วันนี้(10 ก.ค.64) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
ประกาศ ศบค.ล่าสุดที่ห้ามประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเดินทาง ออกจากบ้านในเวลาที่กำหนด และกำหนดเวลาให้จำหน่ายสินค้า คือ มาตรการปิดขังชั่วคราว หรือ การ "ล็อกดาวน์" (lockdown) ที่รัฐบาลจะต้องชดเชย หรือ เยียวยาให้กับประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ แต่ที่รัฐบาลแกล้งทำเฉยเพราะได้ใช้เงินไปจนหมดหน้าตักจนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงชนเพดานไม่สามารถจะก่อหนี้กู้เงินได้อีก
การที่รัฐบาล "ล็อกดาวน์" ห้ามคนออกจากบ้าน หรือ ห้ามรับประทานอาหารในร้าน ทำให้ประชาชนต้องสั่งอาหารผ่านผู้ขนส่ง เช่น ไลน์แมน หรือ แกร็ป เป็นต้น ซึ่งผู้ขนส่งจะคิดค่าบริการจากร้านอาหารในอัตราประมาณ 32% (30%+VAT) ทำให้ร้านอาหารทั่วไปต้องขาดทุน หรือไม่มีกำไร
"ซึ่งเรื่องนี้ผมเห็นว่ารัฐบาลควรใช้มาตรการทางภาษีช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยลด หรือ งดเว้น หรือให้เครดิตทางภาษีแก่ผู้ขนส่งเพื่อให้ผู้ขนส่งลดค่าบริการลงเหลือไม่เกิน 15-20% อันจะทำให้ทั้งผู้ขนส่ง และผู้ประกอบการพอมีกำไร ที่สำคัญคือ การใช้มาตรการทางภาษีทำให้รัฐบาลไม่ต้องใช้เงินสด จึงไม่ต้องไปกู้ยืมให้เป็นภาระกับประชาชนอีก"
นายวัฒนา ระบุด้วยว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศในวันนี้ไม่ได้เกิดจากโควิด เพราะสัญญาณการถดถอยทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นตั้งแต่มีการยึดอำนาจแล้ว โควิดเป็นเพียงพายุลูกสุดท้ายที่มาซ้ำเติมให้ทุกอย่างพังลงเท่านั้น
"ทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดแต่ผมไม่โทษผู้นำรัฐบาล เพราะลำพัง พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียวไม่สามารถยึดอำนาจและสถาปนาตัวเองมาเป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ในอำนาจได้นานจนสร้างความเสียหายได้มากมายขนาดนี้ หากไม่มีกลุ่มผู้สนับสนุน"
ส่วนผู้ที่เคยสนับสนุน ถ้าอยากไถ่บาปก็ไม่ต้องสารภาพ มาร่วมมือกันกระตุ้นให้ทุกคนได้ฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันไม่ให้ติดโควิด จะได้ไม่ซ้ำเติมระบบสาธารณสุข จากนั้นมาช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ไขรัฐธรรมนูญเอาอำนาจคืนให้กับประชาชนจะได้เลิกระบบอำนาจนิยมเสียที เพราะถ้ายังไม่เลิกระบบนี้ก็จะเกิดคนแบบ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อยๆ ยังไม่เข็ดกันอีก “เหรอจ๊ะ”