วันที่ 16 สิงหาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับนายวรชัย เหมะ และพวกรวม 3 คน ในความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง , ล้มล้างการปกครอง และข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นายเสกสกล เปิดเผยว่า นายณัฐวุฒิมีการโพสต์ชักชวนให้มวลชนร่วมกิจกรรม carpark เป็นการปลุกระดมผ่านทางเฟซบุ๊กให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว เป็นการก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่านายณัฐวุฒิวางแผนก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองเพราะที่ผ่านมานายณัฐวุฒิได้ร่วมชุมนุมกับนายสมบัติ บุญอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และหลังจากนั้นได้เกิดความวุ่นวายมาโดยตลอด ดังนั้นการที่นายณัฐวุฒิยังคงปลุกระดมมวลชน ย่อมรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดความวุ่นวาย แต่กลับทำทีประกาศยุติการชุมนุมเพื่อเล็งให้มวลชนไปก่อความวุ่นวายที่บริเวณแยกดินแดง มีการใช้อาวุธ , ระเบิด, วางเพลิงเผาทรัพย์สินทางราชการ นอกจากนี้ในการชุมนุมยังสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยพบว่าที่ผ่านมา ผู้ร่วมชุมนุมที่เกิดอุบัติเหตุระเบิดจนมือขาดพบว่าติดเชื้อโควิดด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมการเงินของนายณัฐวุฒิ ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากสงสัยที่มาของเงินสนับสนุนในการชุมนุมแต่ละครั้งว่ามาจากไหน มาจากนายทุนคนเดิมหรือไม่ เพราะผู้ดูแลบัญชีเดิมของ นปช. ถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีกว่า 572 ล้านบาทจนถูกอายัดบัญชีไปหมดแล้ว