วันที่ 18 สิงหาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ทั้งประเด็นที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมไปถึงเรื่องการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร ราคาข้าว และประกันรายได้
ต่อกรณีการที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ได้ตั้งวอร์รูม เพราะมั่นใจว่าท่านสามารถชี้แจงได้ และตอบได้ทุกคำถาม ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ส่วนข้อกล่าวหาในรายละเอียดที่ฝ่ายค้านยื่นนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ และต้องถามฝ่ายค้าน บางครั้งถ้าเราติดตามตัวญัตติกับคำอภิปรายก็อาจจะไม่ตรงกันเป๊ะก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่ทราบว่าประเด็นเนื้อหาสาระสำคัญจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร แต่ว่าถ้าจะตั้งข้อหาว่าบริหารเกษตรล้มเหลวนั้น ตนคิดว่ามันไม่น่าใช่ เพราะที่ผ่านมาต้องถือว่ากระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงหนึ่งที่สามารถบริหารงานเป็นที่พอใจของพี่น้องเกษตรกร และพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ดีที่สุดกระทรวงหนึ่ง และมั่นใจว่ารัฐมนตรีสามารถตอบได้ทุกคำถาม
“ไม่สามารถตอบได้หรอกครับ ต้องถามฝ่ายค้าน แต่เราทำงานด้วยกันมา อยู่ด้วยกันมาเราก็มั่นใจว่าท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัย ท่านชี้แจงอธิบายได้ แล้วก็ไม่มีข้อสงสัยในส่วนของพรรค เราก็มั่นใจในตัวเลขาธิการพรรค พวกเรามั่นใจครับ มั่นใจในตัวเลขาธิการพรรคในการปฏิบัติหน้าที่” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทั้งนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องราคาพืชผลการเกษตรที่ผ่านมา และการแก้ไขปัญหาทางการเกษตร ว่า ทั้งในเรื่องของตลาดในประเทศ ในเรื่องของการส่งออก ทุกอย่างก็สามารถคลี่คลายไปได้ แม้ว่าจะต้องมาเผชิญวิกฤติปัญหาหน้างาน ในเรื่องสถานการณ์โควิดอยู่ในบางช่วง บางเวลาก็ตาม แต่ทั้งหมดก็ไปได้ดี คลี่คลายได้
เช่น ล่าสุดมังคุดจากภาคใต้ซึ่งมาออกในช่วงล็อคดาวน์พอดี ทำให้ติดปัญหาทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ เพราะสำหรับต่างประเทศนั้นการที่จะเคลื่อนย้ายมังคุดข้ามแดนลาว เวียดนาม เพื่อไปยังจีนซึ่งเป็นตลาดสำคัญ ก็ติดขัดในบางช่วงบางเวลา แต่ทูตเกษตรก็ได้รับคำสั่งจากรัฐมนตรีเกษตร รวมทั้งทูตพาณิชย์ก็สามารถแก้ไขปัญหาคลี่คลายไปได้ ตลาดในประเทศ ล้งไม่สามารถเคลื่อนย้ายจากภาคตะวันออกไปรับซื้อที่ชุมพร นครศรีธรรมราช และภาคใต้ได้ ก็มีการประชุมร่วมกันกับผู้ว่าราชการจังหวัด และประชุมร่วมกันกับฝ่ายต่างๆ รวมทั้งล้งทั่วประเทศ จนในที่สุดตอนนี้สถานการณ์ก็คลี่คลาย เพราะล้งก็สามารถเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคตะวันออกไปรับซื้อที่ชุมพร นครศรีธรรมราช และภาคใต้ได้
รวมทั้งโมเดิร์นเทรดต่างๆ ก็ช่วยกันกระจาย กระทรวงเกษตรก็มีโครงการเกษตรแฮปปี้ ในการช่วยกระจายมังคุด ตอนนี้สถานการณ์ก็คลี่คลายดีขึ้น ราคาก็ขยับดีขึ้น
แม้แต่ทุเรียนตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่าจีนปฏิเสธการรับซื้อ เรื่องนี้กระทรวงเกษตร โดยทูตเกษตร กับทูตพาณิชย์ ได้มีการประสานงานเจรจากับทางจีน สุดท้ายได้รับข้อมูลว่าที่พบเชื้อโควิดนั้น พบที่บรรจุภัณฑ์ในตลาดแห่งหนึ่งของจีน ไม่ได้พบที่ด่าน เพราะฉะนั้นยังวินิจฉัยไม่ได้ว่าทุเรียนไทยนั้นติดโควิด
และขณะนี้จีนไม่ได้ปฏิเสธการรับซื้อ การส่งออกยังสามารถเดินหน้าไปได้ โดยเฉพาะที่เอกชนเป็นห่วงว่า จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นที่ตั้งด่านไทยข้ามไปลาว ผู้ว่าราชการจังหวัดมีการตรวจเข้มซึ่งส่งผลกระทบต่อการขนส่งทุเรียนส่งออกไปยังเวียดนาม เพื่อไปประเทศจีนนั้น ตนได้รับรายงานว่าผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ได้มีมาตรการใดในลักษณะที่จะเป็นการสกัดการส่งทุเรียนข้ามแดนจากนครพนมไปฝั่งตรงข้ามแต่อย่างใด และที่มีข่าวว่าล้งที่ชุมพรปฏิเสธการรับซื้อทุเรียนนั้น ก็ปรากฏแต่เพียงว่าล้งที่รับซื้อเพื่อการส่งออกหยุดรับซื้อเพียง 3 วัน ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคมเท่านั้น และจากการเจรจาแล้วก็จะเปิดรับซื้อในวันพรุ่งนี้ แต่ส่วนการรับซื้อเพื่อตลาดในประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
สำหรับเรื่องราคาข้าว รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ก็มีช่วงระยะเวลาที่ราคาสูง และราคาต่ำ ปีที่แล้วราคาแตะหมื่น แต่ปีนี้ราคาหย่อนลงมาพอสมควรทีเดียว ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตลาดส่งออกของเรานั้นมีปัญหาในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เพราะค่าเงินบาทแข็งในช่วงก่อนหน้านั้น
ขณะเดียวกันราคาของเราไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ประกอบกับติดปัญหาเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ และค่าระวางเรือที่สูงมาก บางกรณีสูงกว่าราคาข้าว จึงทำให้เราไม่สามารถแข่งขันได้ ส่งผลให้ราคาหย่อนลงมา แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรที่จะเข้ามาช่วยประกันให้กับชาวนาว่า ถ้าข้าวเปลือกเจ้าราคาต่ำกว่า 1 หมื่น ก็จะมีเงินส่วนต่าง โดยเอา 1 หมื่นลบด้วยราคาตลาด หากราคาตลาดเหลือ 7,000 บาท ในส่วน 3,000 บาทนี้ก็จะเป็นเงินส่วนต่างที่จะโอนให้กับเกษตรกรโดยตรงไม่หายหกตกหล่น ก็จะทำให้เกษตรกรได้รับ 7,000 + 3,000 และได้ 1 หมื่นตามรายได้ที่ประกัน ซึ่งถือเป็นตัวช่วยให้ชาวนายังยืนอยู่ได้
แต่เชื่อว่าสถานการณ์ครึ่งปีหลังในปี 64 จะมีสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยจะดีขึ้น เพราะเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้เราสามารถแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น