จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 24 ส.ค. มีมติแต่งตั้ง “นายธนกร วังบุญคงชนะ” มาเป็นโฆษกรัฐบาล หรือ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนที่นายอนุชา บูรพชัยศรี ที่โยกไปดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองนั้น
ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นกับ “นายอนุชา บูรพชัยศรี” เพราะเมื่อวานนี้ (23 สิงหาคม 2564) เพิ่งนั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานในการประชุม “คณะกรรมการโฆษกกระทรวง” โดยเชิญโฆษกกระทรวงทั้ง 20 กระทรวง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบออนไลน์
และยังมีผู้แทน ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย ร่วมประชุมเพื่อรับทราบข้อสั่งการของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการบูรณาการบริหารจัดการข่าวปลอมระหว่างโฆษกกระทรวง สำนักโฆษก กรมประชาสัมพันธ์ และศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย
แต่ปรากฏว่าในวันถัดมา นายอนุชา กลับถูกโยกออกจากเก้าอี้โฆษกรัฐบาลอย่างไม่น่าเชื่อ
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลเบื้องหลังจากแหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล ระบุตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นผู้แจ้งให้นายอนุชา รับทราบด้วยตัวเองตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว
โดยนายกรัฐมนตรีต้องการให้นายอนุชาไปช่วยงานด้านนโยบายและแผน ในตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง
“แต่นายกฯท่านไม่ได้บอกกับนายอนุชาว่าจะให้ใครมาทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแทน” แหล่งข่าวระบุว่า
ส่วนการที่ นายกฯ เลือก “โฆษกรัฐบาลคนใหม่” เป็นนายธนกร นั้นเนื่องจากที่ผ่านมานายธนกรได้ทำหน้าที่ตอบโต้ทางการเมือง รวมทั้งชี้แจงประเด็นนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในนามโฆษกศบศ, และยังช่วยโต้ข่าวบิดเบือนในโซเชียลมีเดียให้กับนายกฯมาตลอดอยู่แล้วและทันท่วงที มากกว่านายอนุชา ที่ยังมีจุดอ่อนอยู่มาก
“รวมทั้งทีมงานนายกรัฐมนตรี และทีมที่ปรึกษาด้านการสื่อสารของรัฐบาลหลายคน เสนอตรงกันให้นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนโฆษกรัฐบาลได้แล้ว เพื่อปรับทัพการสื่อสารใหม่ทำงานในเชิงรุกมากขึ้น โดยนายกฯได้เตรียมที่จะมอบนโยบายการทำงานให้กับนายธนกร ในวันที่ 26 ส.ค.โดยให้เข้าพบด้วยตัวเอง จากนั้นนายธนกรก็จะต้องหารือร่วมกับทีมโฆษกรัฐบาลเพื่อวางแผนการทำงานในเชิงรุกต่อไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 24 ส.ค.64 ที่ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติแต่งตั้งนายธนกร หวังบุญคงชนะ เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และให้ นายอนุชา บูรพชัยศรี ไปดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง
นายอนุชา ได้ใช้โอกาสนี้ กล่าวอำลาจากตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกฯว่า ในวันนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงข่าวชี้แจงในเรื่องรายละเอียดมติครม. ขอขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ได้ไว้วางใจให้ตนได้ทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา
และตอนนี้นายกฯได้มอบโอกาสให้ทำงานทาง ด้านบริหารเพิ่มเติม และเกี่ยวข้องกับนโยบายมากขึ้นในตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ต้องขอขอบคุณนายกฯนอกเหนือจากนี้ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชน ที่ให้ความร่วมมือนำเสนอข่าวไปสู่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์
นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังขอขอบคุณเลขาธิการนายกฯ ที่ดูแลกำกับการทำงานสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานทุกองค์กรที่ให้ข้อมูลข่าวสารเมื่อร้องขอข้อมูลทำให้งานของสำนักโฆษกฯดำเนินการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนได้ทันเหตุการณ์และขอบคุณรองโฆษกประจำสำนักนายกฯทั้ง 2 คนที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี
ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ฟังเสียงและคำเสนอแนะของประชาชนและเพื่อนำมาประกอบการทำงานรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชนตลอด ในช่วงที่ตนเข้ามาทำหน้าที่ 1 ปีในฐานะโฆษกรัฐบาล ท่านได้ให้คำแนะนำมาตลอดว่าไม่ใช่เป็นการสื่อสารในทางเดียว แต่จะต้องสื่อสารทั้ง 2 ฝ่าย คือไม่ใช่พูดอย่างเดียวจะต้องฟังด้วย เพื่อนำมาปฏิบัติและปรับปรุงให้รัฐบาลสามารถทำงานให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากนั้นนายอนุชา กล่าวแสดงความยินดีและแนะนำนายธนกร ที่มาเป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯคนใหม่ ว่า เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถจากนี้จะได้เห็นบทบาทโฆษกรัฐบาลแน่นอน ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีคาแรคเตอร์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จากนี้ไปคงจะเห็นสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการสื่อสารที่เป็นเนื้อหาสาระที่รัฐบาลจะสื่อสารกับประชาชนโดยผ่านโฆษกรัฐบาลคนใหม่ ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง
ด้านนายธนกร ยกมือไหว้นายอนุชา พร้อมกับกล่าวว่า ต้องขอขอบคุณนายกฯ ที่ได้ให้ความไว้วางใจและให้โอกาสให้เข้าไปทำหน้าที่ในตำแหน่งโฆษกรัฐบาล โดยตนจะตั้งไจทำงานอย่างสุดความสามารถ ในการที่จะสื่อสารให้กับประชาชนให้เข้าใจการทำงานของรัฐบาลโดยเฉพาะนโยบายต่างๆ นอกจากนั้น จะต้องสื่อสารสื่อสาร 2 ทางให้ประชาชนเข้าใจ
โดย 1.ต้องรับฟังปัญหาของประชาชนที่สะท้อนมายังรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไข
นอกจากนั้น 2.จะต้องทำงานในเชิงรุกในเรื่องของระบบดิจิทัลต่างๆที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพราะวันนี้สถานการณ์ โควิด-19 เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ รัฐบาลพยามทำทุกวิถีทางเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ฉะนั้นการสื่อสารกับประชาชนถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมาต้องขอชื่นชมนายอนุชาและทีมงานที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีฉะนั้นตอนก็คงจะต้องประสานงานต่อ
อย่างไรก็ตามขอขอบคุณนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ และยินดีกับนายอนุชาที่ผ่านมาตนได้ทำงานร่วมกันมาตลอด ด้วยการให้เกียรติกัน และวันนี้ยังไม่ได้ปฎิบัติหน้าที่แถลงข่าวผลการประชุม ครม. อย่างเป็นทางการ โดยนายอนุชา จะส่งมอบหน้าที่ให้กับตนในวันนี้.