วันที่ 31 ส.ค.2564 เวลา 12.25 น. พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลุกขึ้นอภิปรายในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลวันเเรก โดยเลือกอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมระบุว่ามีพฤติการณ์ บริหารราชการเเผ่นดินโดยไม่สุจริต ฉ้อฉล กู้เงินเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจ จัดงบประมาณโดยไม่เข้าใจปัญหาของประเทศเเละประชาชน ปรนเปรอเเต่กองทัพ เพื่อใช้เป็นฐานค้ำจุนอำนาจของตน ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติเเห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
นอกจากนี้นายกฯยังไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่เเละความทุกข์ยากของประชาชน ใช้กฎหมายเเละอาวุธที่ซื้อจากภาษีประชาชนเป็นเครื่องมือข่มขู่ปราบปรามประชาชน ลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน โดยไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนใดปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ในประเด็นการกู้เงินไปใช้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจนั้น พบว่า มีการตั้งงบประมาณเกินดุลทุกปี โดยในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งงบประมาณตั้งแต่ปี 2558 -2565 รวม 5.3 ล้านล้านบาท มากกว่าสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ( 1.3 ล้านล้านบาท)และสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (6.2 แสนล้านบาท)
พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งงบฯ เกินดุลทุกปี รู้ว่าประเทศชาติจะใช้งบฯ เท่าไหร่ แต่ตั้งเกิน เพราะนำเงินมาผลาญหมด สำคัญที่สุด คือ คนกู้ไม่ต้องใช้หนี้
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายว่า เงินที่รัฐบาลกู้มาส่วนใหญ่ใช้ในการบริหารประเทศ อีกส่วนใช้ในโครงการต่างๆเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ชิมช้อปใช้ เราเที่ยวด้วยกัน ช็อปดีมีคืน คนละครึ่ง เราชนะ ม.33 เรารักกัน และอื่นๆอีก หวานแหวว โครงการดีเหลือเกิน แต่เงินไม่รู้ถึงเท่าไหร่ ระหว่างทางถูกโกงไปเท่าไหร่ และมีคนไม่ต้องการ ไม่อยากใช้ อย่างผมก็ไม่ต้องการ คนที่ต้องการก็มี แทนที่เงินจะไปสู่คนเดือดร้อนจริงๆ กลับเลอะเทอะ เรื่อยเปื่อยไปหมด โครงการก็ตรวจสอบไม่ได้ จึงเป็นการกู้มาเพื่อซื้อเสียง ถึงเวลาเลือกตั้งจะได้ชนะ หวังสืบทอดเป็นนายกฯอีก 7 ปีไม่พอหรือ คุณประยุทธ์จะเอาอะไรอีก ต้องรู้จักพอ