“ธรรมนัส”เดือดซัดไอ้ห้อยไอ้โหน“พปชร.”ปูดข่าวล็อบบี้ล้มนายกฯ

01 ก.ย. 2564 | 10:37 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2564 | 17:21 น.

“ธรรมนัส”เดือดซัดไอ้ห้อยไอ้โหน พปชร. ปูดข่าวล็อบบี้เสียงสภาล้มนายกฯ ยันไม่จริง ขู่ระวังตัวไว้ ลั่นไม่ใช่สัตว์โดนเหยียบหางแล้วแหกปาก ด้าน “บิ๊กตู่”เมินคุย “ธรรมนัส”

วันนี้(1 ก.ย.64) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวแรงขย่มภายในพรรคพลังประชารัฐ ว่า เรื่องที่พูดกัน 2-3 วันที่ผ่านมา ขอยืนยันว่า ไม่เคยสนใจ ใส่ใจเรื่องตำแหน่งหน้าที่ ตนพูดเสมอว่ามาถึงทุกวันนี้ จากลูกชาวนาเด็กบ้านนอกจนๆ มาถึงเวลานี้ ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ถือว่าเป็นชีวิตสูงสุดแล้ว ส่วนที่เหลือหากตอนนี้โอกาสทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง รับใช้แผ่นดินและประชาชนก็จะทำให้ดีที่สุด

 

ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมา ตนทำอะไรเพื่อบ้านเมืองบ้าง คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ดังนั้น การจะมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ในรัฐบาลและครม.เดียวกัน ไม่ใช่พฤติกรรมของตน เมื่อย้อนไปการประชุมพรรคที่จ.ขอนแก่น ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เคยยืนยันว่าจะนำพาพรรคพลังประชารัฐ ให้เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง เป็นที่พึ่งของประชาชน และจะทำต่อไปหากยังมีโอกาส ดังนั้น ข่าวลือว่าตนจะทำนู่นนี่ไม่จริง มีแต่ข่าวที่ตนได้ยิน

 

“ขณะที่ผมไปตรวจราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา มีส.ส.หลายคนโทรหาว่า มีหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคเล็กคนหนึ่ง เสนอรับเงินเป็นผลต่างตอบแทน 10 ล้านบาท ผมได้ยินมาตลอด และที่ยิ่งร้ายไปกว่านั้น มีรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ รับงานมาล็อบบี้ส.ส.เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ ในการโหวตสนับสนุนใครคนใดคนหนึ่ง ผมขอถามว่าการเป็นรัฐมนตรีสมควรทำเช่นนั้นหรือไม่ ควรเห็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง คนที่ว่า 4 ช. ฝากไปบอกเขาด้วยว่าทำอะไรเพื่อบ้านเมืองบ้าง อย่าเห็นประโยชน์ส่วนตัวนี่เป็นคำตอบ”  ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ส่วนที่มีการโยงชื่อตนเป็นหนึ่งในขบวนการล้มนายกฯ ผ่านการโหวตคว่ำในสภาฯนั้น โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้บัญญัติชัดเจน เสียงหนึ่งเสียงของส.ส. คือ เสียงของประชาชน ดังนั้น จึงต้องรู้จักคิด แล้วรู้จักทำ ว่าจะทำอย่างไร ไม่สามารถไปครอบงำได้ มติพรรคจะให้ทำอะไร ก็ไม่ได้ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐไม่มีอย่างนั้น ใครมาถามตน ก็บอกว่าให้ดูเอาแล้วตัดสินใจเอง ตนไม่ได้ถูกใช้ให้มาล็อบบี้ใคร ไม่ว่าจะให้ช่วยรัฐบาล หรือไประดมพรรค อื่นให้มาช่วยในการโหวตคว่ำใครคนใดคนหนึ่งตนไม่ทำ

 

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าไม่ได้อยู่ในขบวนการ 4 ช. ใช่หรือไม่  ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ให้ดูเมื่อวานตนเข้าสภามากี่โมง เมื่อเข้ามา ก็มีพี่น้องจากพรรคเพื่อไทย เข้ามาสวัสดีขอถ่ายรูปกับตน คนเข้าไปในห้องประชุมสภา นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ก็ดึงแขนไปบอกอยากคุยเรื่อง สปก. พี่น้องพรรคเล็กพรรคน้อยก็มาคุยกับตน เป็นปกติ ที่ตนทักทายกันแบบนี้ ไม่เคยคิด และไม่เคยปฏิบัติว่าต่างพรรคต่างความคิด จะต้องเป็นศัตรูกับตน

 

“แม้กระทั่งผมถูกกระทำอย่างไร ผมไม่เคยโทษ เพราะสิ่งเหล่านั้นผมพูดกับตัวเองไว้เสมอว่า ควรนำมาปรับปรุงตนเอง เขาจะด่าเราอย่างไร ผมถามกลับว่า ในครม. ใครโดนหนักเท่าผมบ้าง ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีม็อบบุกไปที่บ้านใครโดนเหมือนผมบ้าง แล้วเคยได้ยินหรือไม่ว่า ผมบ่น หรือ แหกปากสักคำ ผมไม่ใช่เป็นสัตว์ประเภทว่า เหยียบหางหน่อยแล้วแหกปาก ไม่ใช่ผม”

 

เมื่อถามย้ำว่ายอมรับหรือไม่ว่ามีขบวนการดังกล่าวเกิดขึ้น ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า “ขบวนการนั้นมีหรือไม่มี ต้องไปถามคนเต้าข่าว ว่าต้องการอะไร เป็นคนเต้าข่าว ไม่ใช่พรรคฝ่ายค้าน แต่เป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล ไอ้ห้อยไอ้โหนทั้งหลายชอบเลียแข้งเลียขา สำเหนียกซะบ้าง”

 

ขณะที่จัดการกับไอ้ห้อยไอ้โหนนี้อย่างไร ตนรู้หมด บางคนตนบันทึกเทปไว้หมดแล้ว ขอให้ระวังเดี๋ยวเจอกัน

 

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส กับนายกรัฐมนตรี ยังคงพูดคุยกันตามปกติหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ถ้าจะถามอย่างนี้ตนขอถามกลับไปถึงท่านห้อยท่านโหน ในหลายๆ คน ทำเหมือนตนหรือไม่ นำนโยบายของนายกรัฐมนตรี และนำนโยบายของรัฐบาลไปให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และชาติบ้านเมือง ทำบ้างหรือไม่ มัวแต่ห้อยแต่โหน แล้วอย่างนี้ประเทศชาติจะเจริญได้อย่างไร

 

“ผมพูดเสมอว่าผมไม่โกรธใคร ไม่แค้นใคร แต่ผมจำนาน และผู้ร่วมอุดมการณ์ผมมาก”

 

ส่วนจะต้องทำความเข้าใจกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เนื่องจากดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีไม่พอใจกับกระแสข่าวดังกล่าวที่เกิดขึ้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ได้คุยกับนายกรัฐมนตรี แต่คุยกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพูดตลอดเวลาและพูดในครม.ว่า จะคุยเฉพาะหัวหน้าพรรค เราเป็นลูกพรรค ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคจะต้องคุยกับหัวหน้าพรรค

 

พร้อมกับถามกลับว่า มีวันใดที่ตนไม่ได้กินข้าวกับหัวหน้าพรรค คุยทุกวัน และในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา ขอถามทุกคนเลยว่า ตนพูดอะไรเกี่ยวกับการเลื่อยขา “มท. 1”  ได้ยินจากปากตนหรือไม่ ตนจับไมค์พูดต่อหน้าคนจะ 60-70 คน

 

“ผมบอกว่าส.ส.พรรคอึดอัดในหลายๆ เรื่อง และบอกว่ารัฐมนตรีที่นั่งอยู่ตรงนี้ มีผลงาน ให้ส.ส.ไปบอกชาวบ้านว่า เป็นผลงานของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เป็นส.ส.เกือบ 3 ปี ต้องถามว่าทำอะไรให้กับชาวบ้านบ้าง ส.ส.ก็ตอบว่าไม่มี มีหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเดียว คนเป็นตัวแทนของประชาชน หากไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้ ก็อย่าเป็นเลยส.ส. แล้วถ้าไม่เคลียร์ตัวผมเอง พร้อมกลับไปเป็นส.ส.อย่างเดียว ผมไม่ได้สนใจ”

 

เมื่อถามต่อว่า ส่วนตัวเคยคิดอยากเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนไม่เคยใส่ใจตำแหน่งหน้าที่ จะอยู่ในสถานะใด แม้เป็นนายธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ตนทำอะไรเพื่อคนไทยบ้าง ทำอะไรเพื่อคนพะเยาและคนภาคเหนือบ้าง ไม่จำเป็นทุกอย่างอยู่ที่ใจ ใจสั่งสมองให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

 

ส่วนทุกอย่างเป็นกระแสข่าวสกัดดาวรุ่งหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่ากดดันกันมาก ตนมาจากประชาชน เมื่อถามอีกว่าจำนานจะมีการแก้แค้นเกิดขึ้นหรือไม่ ตนจำดี ไม่ใช่แก้แค้น ถ้าเขาเหล่านั้นไม่แก้ไข ก็จะถูกประชาชนลงโทษเอง บอกได้เลยว่าพรรคพลังประชารัฐหากตนยังเป็นแกนนำ ส.ส.ที่เป็นไอ้ห้อยไอ้โหนทั้งหลาย ไม่ได้ลงหรอกสมัยหน้า

 

นายกฯปัดคุย"ธรรมนัส"

 

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเดินทางออกจากอาคารรัฐสภา ในเวลา 16.30 น. ถูกผู้สื่อมวลชนสอบถามว่าอารมณ์ดีแล้วหรือยังหลังชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “อารมณ์ดีเสมอ”

 

เมื่อถามว่าได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส หรือยัง กรณีมีข่าวลือเรื่องการล็อบบี้คว่ำนายกฯ  พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า  “ทำไมต้องคุยล่ะ ก็เป็นเรื่องของเขา ว่ากันไป” 

 

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในกระบวนการล็อบบี้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน เขาได้พูดแล้วเหรอ”

 

ก่อนจะเดินขึ้นรถไป ส่วนจะกลับเข้ามาที่อาคารรัฐสภาอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์  ตอบว่า ต้องดูก่อน เนื่องจากมีงานข้างนอก และมีลูกน้องอยู่

 

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเที่ยง มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียก นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. และ ส.ว.บางคนเข้าพบ เพื่อพูดคุยถึงกระแสข่าวลือต่างๆ ในขณะนี้