วันที่ 8 ก.ย.2564 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ในการประชุมรัฐสภา วันที่ 10 ก.ย.นี้ ว่าว่า ประเมินว่าขณะนี้ยังเป็นที่สับสนชี้ชัดไม่ได้ว่าจะออกมาแบบไหน เพราะตัวชี้ขาดคือ ส.ว. ที่ยังคงแลกเปลี่ยนความเห็นกันจนนาทีสุดท้าย ตนเห็นว่ายัง 50 – 50 ออกได้ทั้ง 2 ทาง เดาใจยาก แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ไม่วิตกว่าได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพราะบัตรใบเดียวเราก็ชนะ ถ้า 2 ใบเราก็มั่นใจว่าชนะ แต่เลือกตั้งบัตร 2 ใบ การเมืองจะเดินไปด้วยความราบรื่น ระบบเป็นที่น่าเชื่อถือของต่างชาติ ประชาชนยอมรับผลการเลือกตั้ง และยอมรับกระบวนการทางการเมืองมากกว่าเดิม แต่บัตรใบเดียวจะไม่สะท้อนเจตนารมณ์ประชาชน การยอมรับจากประชาชนก็น้อย การตั้งรัฐบาลก็จะมีสภาพแบบที่เป็นอยู่ บางพรรคหลายพ่อหลายแม่ ดังนั้น เรื่องผลการเลือกตั้งแพ้ชนะเราคิดว่าระบบไหนเราก็พร้อมเสมอ
เมื่อถามว่า พรรคเล็ก และพรรคก้าวไกล ระบุว่า บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ พรรคใหญ่จะกินรวบ นายสุทิน กล่าวว่า รวบไม่รวบต้องคำนึงถึงระบบใหญ่ของระบอบประชาธิปไตย เช่น ประเทศอังกฤษ ก็มี 2 พรรคใหญ่เท่านั้น พรรคใหญ่ที่แข็งแกร่ง 2 – 3 พรรค คือ วิถีทางที่ถูกต้อง ส่วนระบบประธานาธิบดี แบบสหรัฐอเมริกา ก็มี 2 พรรคใหญ่ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ดังนั้นการที่จะมีพรรคใหญ่กินรวบจึงไม่ใช่ปัญหา แต่สำคัญคือพอพรรคใหญ่ได้คะแนนเยอะ ระบบตรวจสอบ และจริยธรรมของพรรคใหญ่นั้นต่างหากที่สำคัญ ในสภาเสียงมากขนาดไหนก็ตาม สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ถ่วงดุลล้นเหลืออยู่แล้วไม่น่ากังวล พรรคใหญ่กินรวบจึงไม่มีปัญหา แต่ที่จะมีปัญหาคือพรรคเบี้ยหัวแตกกระจัดกระจาย แบบนั้นจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยมีปัญหา
นายสุทิน กล่าวถึงสรุปผลหารือพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรคในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จบไปว่า การอภิปรายที่ผ่านมา เราพอใจผลการทำงาน และเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยวัดจากความพึงพอใจจากประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ อาจจะมีข้อบกพร่องเรื่องการวางน้ำหนักในการวางตัวบุคคลเพื่ออภิปรายอยู่บ้าง ส่วนคะแนนโหวตที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด คือไม่เคยมีรัฐบาลแพ้โหวตในสภา แต่ครั้งนี้มีปัจจัยการโหวตชนะที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ จากที่สมาชิกพรรคฝ่ายค้านได้อภิปรายไปแล้ว พบว่ารัฐบาลตอบไม่ชัดเจนหลายประเด็น รวมถึงเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ตอบ เช่น เรื่องส่วนต่างราคาวัคซีนซิโนแวค วันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจน รัฐบาลยังไม่แสดงหลักฐานการซื้อ รวมถึงเรื่องการจัดซื้อแบบจีทูจี ที่ฝ่ายค้านเอาหลักฐานการเสียภาษีมาแสดง ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลก็ไม่ตอบ เรื่องชุดตรวจ ATK ก็ยังมีเงื่อนงำ ที่มีการประมูลบริษัทหนึ่งแล้วเซ็นสัญญากับอีกบริษัท รวมถึงเรื่องทุจริตยางรัฐบาลก็ตอบแบบเลี่ยงบาลีไม่ตอบตรงๆ
ดังนั้นการประชุมวันนี้ เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นดำเนินคดี ประกอบด้วย 1.เรื่องการจัดซื้อซิโนแวค 2.การที่นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจในการแทรกแซง หรือล้มกระบวนการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ซึ่งเป็นการประพฤติมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 3.เรื่องยางพารา ซึ่งเราเชื่อว่าพยานหลักฐานมัดแน่นอน และ 4.การทุจริตในกองทัพ ทั้งนี้ สัปดาห์หน้า ผู้อภิปรายทุกคนจะเข้ามาหารือเพิ่มเติมซึ่งอาจจะมีหลายคดีกว่านี้