ซูเปอร์โพล ชี้ คนเริ่มมีความหวัง หลังโควิดคลี่คลาย แต่หมดความอดทนกับม็อบ

25 ก.ย. 2564 | 03:48 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2564 | 11:04 น.

สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เผยประชาชนส่วนใหญ่เรื่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศและฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย แต่กังวล หมดความอดทน และไม่เห็นประโยชน์กับม็อบรุนแรงรายวัน

วันที่ 25  ก.ย. 2564 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ความหวังและการบั่นทอนใจในสถานการณ์โควิด-19 กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,104 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 21 – 24 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.3 เริ่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศและฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ในขณะที่ร้อยละ 30.7 ไม่มีความหวัง นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.4 รับรู้ เข้าใจและพอใจผลงานรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตให้เริ่มดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 31.6 ยังไม่พอใจ

 

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงการแก้ปัญหาในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.7 ระบุ การเปิดประเทศในพื้นที่นำร่องควรขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ ร้อยละ 74.4 ระบุ มาตรการต่าง ๆ ของรัฐ และความร่วมมือจากภาคประชาชน เริ่มสามารถทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ร้อยละ 74.3 ระบุ การจัดหาวัคซีน เพียงพอ และกระจายวัคซีนได้เร็วขึ้น ร้อยละ 74.2 ระบุ การเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิดได้ง่ายและเร็วขึ้น ร้อยละ 73.9 ระบุจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง จำนวนผู้รักษาหายได้มากขึ้น ร้อยละ 73.8 ระบุ เยาวชนเริ่มเข้ารับวัคซีนและกลับเข้าสู่การเปิดเรียน

ซูเปอร์โพล ชี้ คนเริ่มมีความหวัง หลังโควิดคลี่คลาย แต่หมดความอดทนกับม็อบ

อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.9 ระบุ ม็อบขัดขวางการทำมาหากินของผู้อื่นที่บริสุทธิ์ ก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้สัญจรและผู้พักอาศัยในพื้นที่ ร้อยละ 94.4 รับรู้ข่าว ม็อบรุนแรงรายวันที่ใช้เด็กและเยาวชนเป็นเครื่องมือ ร้อยละ 94.2 ระบุ ต้องการให้ตำรวจเอาจริง เด็ดขาดทางกฎหมายกับแกนนำ กลุ่มผู้สนับสนุน ผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ร้อยละ 93.7 ระบุ ผู้ปกครองและสังคมต้องไม่ปล่อยให้เยาวชนถูกปั่นหลอกใช้ซ้ำซากจนเกิดการเผชิญหน้า ขยายสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในสังคมเหมือนในอดีต ร้อยละ 93.3 ระบุ ม็อบที่ใช้ความรุนแรงเป็นการก่ออาชญากรรม เกินเลยการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ร้อยละ 93.2 ระบุ มีแกนนำและกลุ่มผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังรู้เห็นเป็นใจใช้ความรุนแรงถ่อยเถื่อน หยาบคายทำลายทรัพย์สินสาธารณะจากเงินภาษีของประชาชน และร้อยละ 92.9 ระบุ ไม่เห็นประโยชน์ของม็อบ ที่ใช้ความรุนแรง ขาดอุดมการณ์ ล้ำเส้นสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ทำลายภาษีของประชาชน สร้างความเดือดร้อน เบียดเบียนผู้อื่น
 

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศและเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดดีขึ้นตามลำดับ  โดยรับรู้และพอใจกับผลงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น จากตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงและรักษาหายมากขึ้น การจัดหาวัคซีนเพียงพอและกระจายวัคซีนได้เร็วขึ้น  การเข้าถึงการตรวจเชื้อเร็วและง่ายขึ้น  การเปิดประเทศในพื้นที่นำร่องเป็นต้นแบบขยายต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ  เด็กและเยาวชนเริ่มเข้ารับวัคซีนและกลับเข้าสู่การเปิดเรียน รวมทั้งมาตรการรัฐต่างๆที่ประชาชนเริ่มสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติ

 

อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่กังวล หมดความอดทน และไม่เห็นประโยชน์กับม็อบรุนแรงรายวันที่ขาดอุดมการณ์ประชาธิปไตยและล้ำเส้นสิทธิและเสรีภาพผู้อื่น ขัดขวางการทำมาหากินสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้สัญจรไปมาและผู้พักอาศัย มีแกนนำรู้เห็นเป็นใจใช้ความรุนแรงถ่อยเถื่อนหยาบคายเผาทำลายสมบัติสาธารณะ ที่น่าสนใจประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเป็น”อาชญกรรม”เกินเลยการชุมนุม ต้องการให้ตำรวจเอาจริงเด็ดขาดทางกฎหมายกับแกนนำ ผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด  ไม่ปล่อยให้เยาวชนถูกปลุกปั่นหลอกใช้ซ้ำซากจนเกิดการเผชิญหน้าขยายสู่ความขัดแย้งทางสังคมดังเช่นอดีต

ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความหวังต่อการเปิดประเทศและฟื้นตัวเศรษฐกิจ

 ลำดับที่

ความคิดเห็นของประชาชน

ร้อยละ

1

เริ่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศและฟื้นตัวเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย

69.3

2

ไม่มี

30.7

 

รวมทั้งสิ้น

100.0

 

ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ รับรู้ เข้าใจและพอใจผลงานรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตให้เริ่มดีขึ้น

 ลำดับที่

การรับรู้และความพอใจ

ร้อยละ

1

รับรู้ เข้าใจและพอใจผลงานรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตให้เริ่มดีขึ้น

68.4

2

ยังไม่พอใจ

31.6

 

รวมทั้งสิ้น

100.0

 

ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ การแก้ปัญหาในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19

 ลำดับที่

การแก้ปัญหาในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19

ร้อยละ

1

การเปิดประเทศในพื้นที่นำร่องควรขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ

74.7

2

มาตรการต่าง ๆ ของรัฐ และความร่วมมือจากภาคประชาชน เริ่มสามารถทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ

 

74.4

3

การจัดหาวัคซีน เพียงพอ และกระจายวัคซีนได้เร็วขึ้น

74.3

4

การเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิดได้ง่ายและเร็วขึ้น

74.2

5

จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง จำนวนผู้รักษาหายได้มากขึ้น

73.9

6

เยาวชนเริ่มเข้ารับวัคซีนและกลับเข้าสู่การเปิดเรียน

73.8

 

 

 

 

 

 

ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อ ม็อบรุนแรงรายวัน

 ลำดับที่

ความคิดเห็นของประชาชน

ร้อยละ

1

ม็อบขัดขวางการทำมาหากินของผู้อื่นที่บริสุทธิ์ ก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้สัญจรและผู้พักอาศัยในพื้นที่

 

94.9

2

รับรู้ข่าว ม็อบรุนแรงรายวันที่ใช้เด็กและเยาวชนเป็นเครื่องมือ

94.4

3

ต้องการให้ตำรวจเอาจริง เด็ดขาดทางกฎหมายกับแกนนำ กลุ่มผู้สนับสนุน ผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด

 

94.2

4

ผู้ปกครองและสังคมต้องไม่ปล่อยให้เยาวชนถูกปั่นหลอกใช้ซ้ำซากจนเกิดการเผชิญหน้า ขยายสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในสังคมเหมือนในอดีต

 

93.7

5

ม็อบที่ใช้ความรุนแรงเป็นการก่ออาชญากรรม เกินเลยการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย

93.3

6

มีแกนนำและกลุ่มผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังรู้เห็นเป็นใจใช้ความรุนแรงถ่อยเถื่อน หยาบคายทำลายทรัพย์สินสาธารณะจากเงินภาษีของประชาชน

 

93.2

7

หมดความอดทนและไม่เห็นประโยชน์ของม็อบ ที่ใช้ความรุนแรง ขาดอุดมการณ์ ล้ำเส้นสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ทำลายภาษีของประชาชน สร้างความเดือดร้อน เบียดเบียนผู้อื่น

 

92.9

สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล (SUPER POLL) โทร 02.051.5928 โทร 064.224.2646   www.superpollthailand.net