วันที่ 25 ก.ย. 2564 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ความหวังและการบั่นทอนใจในสถานการณ์โควิด-19 กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,104 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 21 – 24 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.3 เริ่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศและฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ในขณะที่ร้อยละ 30.7 ไม่มีความหวัง นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.4 รับรู้ เข้าใจและพอใจผลงานรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตให้เริ่มดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 31.6 ยังไม่พอใจ
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงการแก้ปัญหาในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.7 ระบุ การเปิดประเทศในพื้นที่นำร่องควรขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ ร้อยละ 74.4 ระบุ มาตรการต่าง ๆ ของรัฐ และความร่วมมือจากภาคประชาชน เริ่มสามารถทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ร้อยละ 74.3 ระบุ การจัดหาวัคซีน เพียงพอ และกระจายวัคซีนได้เร็วขึ้น ร้อยละ 74.2 ระบุ การเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิดได้ง่ายและเร็วขึ้น ร้อยละ 73.9 ระบุจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง จำนวนผู้รักษาหายได้มากขึ้น ร้อยละ 73.8 ระบุ เยาวชนเริ่มเข้ารับวัคซีนและกลับเข้าสู่การเปิดเรียน
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.9 ระบุ ม็อบขัดขวางการทำมาหากินของผู้อื่นที่บริสุทธิ์ ก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้สัญจรและผู้พักอาศัยในพื้นที่ ร้อยละ 94.4 รับรู้ข่าว ม็อบรุนแรงรายวันที่ใช้เด็กและเยาวชนเป็นเครื่องมือ ร้อยละ 94.2 ระบุ ต้องการให้ตำรวจเอาจริง เด็ดขาดทางกฎหมายกับแกนนำ กลุ่มผู้สนับสนุน ผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ร้อยละ 93.7 ระบุ ผู้ปกครองและสังคมต้องไม่ปล่อยให้เยาวชนถูกปั่นหลอกใช้ซ้ำซากจนเกิดการเผชิญหน้า ขยายสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในสังคมเหมือนในอดีต ร้อยละ 93.3 ระบุ ม็อบที่ใช้ความรุนแรงเป็นการก่ออาชญากรรม เกินเลยการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ร้อยละ 93.2 ระบุ มีแกนนำและกลุ่มผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังรู้เห็นเป็นใจใช้ความรุนแรงถ่อยเถื่อน หยาบคายทำลายทรัพย์สินสาธารณะจากเงินภาษีของประชาชน และร้อยละ 92.9 ระบุ ไม่เห็นประโยชน์ของม็อบ ที่ใช้ความรุนแรง ขาดอุดมการณ์ ล้ำเส้นสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ทำลายภาษีของประชาชน สร้างความเดือดร้อน เบียดเบียนผู้อื่น
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศและเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดดีขึ้นตามลำดับ โดยรับรู้และพอใจกับผลงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น จากตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงและรักษาหายมากขึ้น การจัดหาวัคซีนเพียงพอและกระจายวัคซีนได้เร็วขึ้น การเข้าถึงการตรวจเชื้อเร็วและง่ายขึ้น การเปิดประเทศในพื้นที่นำร่องเป็นต้นแบบขยายต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ เด็กและเยาวชนเริ่มเข้ารับวัคซีนและกลับเข้าสู่การเปิดเรียน รวมทั้งมาตรการรัฐต่างๆที่ประชาชนเริ่มสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่กังวล หมดความอดทน และไม่เห็นประโยชน์กับม็อบรุนแรงรายวันที่ขาดอุดมการณ์ประชาธิปไตยและล้ำเส้นสิทธิและเสรีภาพผู้อื่น ขัดขวางการทำมาหากินสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้สัญจรไปมาและผู้พักอาศัย มีแกนนำรู้เห็นเป็นใจใช้ความรุนแรงถ่อยเถื่อนหยาบคายเผาทำลายสมบัติสาธารณะ ที่น่าสนใจประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเป็น”อาชญกรรม”เกินเลยการชุมนุม ต้องการให้ตำรวจเอาจริงเด็ดขาดทางกฎหมายกับแกนนำ ผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ไม่ปล่อยให้เยาวชนถูกปลุกปั่นหลอกใช้ซ้ำซากจนเกิดการเผชิญหน้าขยายสู่ความขัดแย้งทางสังคมดังเช่นอดีต
ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความหวังต่อการเปิดประเทศและฟื้นตัวเศรษฐกิจ
ลำดับที่ |
ความคิดเห็นของประชาชน |
ร้อยละ |
1 |
เริ่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศและฟื้นตัวเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย |
69.3 |
2 |
ไม่มี |
30.7 |
|
รวมทั้งสิ้น |
100.0 |
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ รับรู้ เข้าใจและพอใจผลงานรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตให้เริ่มดีขึ้น
ลำดับที่ |
การรับรู้และความพอใจ |
ร้อยละ |
1 |
รับรู้ เข้าใจและพอใจผลงานรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตให้เริ่มดีขึ้น |
68.4 |
2 |
ยังไม่พอใจ |
31.6 |
|
รวมทั้งสิ้น |
100.0 |
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ การแก้ปัญหาในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19
ลำดับที่ |
การแก้ปัญหาในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 |
ร้อยละ |
1 |
การเปิดประเทศในพื้นที่นำร่องควรขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ |
74.7 |
2 |
มาตรการต่าง ๆ ของรัฐ และความร่วมมือจากภาคประชาชน เริ่มสามารถทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ |
74.4 |
3 |
การจัดหาวัคซีน เพียงพอ และกระจายวัคซีนได้เร็วขึ้น |
74.3 |
4 |
การเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิดได้ง่ายและเร็วขึ้น |
74.2 |
5 |
จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง จำนวนผู้รักษาหายได้มากขึ้น |
73.9 |
6 |
เยาวชนเริ่มเข้ารับวัคซีนและกลับเข้าสู่การเปิดเรียน |
73.8 |
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อ ม็อบรุนแรงรายวัน
ลำดับที่ |
ความคิดเห็นของประชาชน |
ร้อยละ |
1 |
ม็อบขัดขวางการทำมาหากินของผู้อื่นที่บริสุทธิ์ ก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้สัญจรและผู้พักอาศัยในพื้นที่ |
94.9 |
2 |
รับรู้ข่าว ม็อบรุนแรงรายวันที่ใช้เด็กและเยาวชนเป็นเครื่องมือ |
94.4 |
3 |
ต้องการให้ตำรวจเอาจริง เด็ดขาดทางกฎหมายกับแกนนำ กลุ่มผู้สนับสนุน ผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด |
94.2 |
4 |
ผู้ปกครองและสังคมต้องไม่ปล่อยให้เยาวชนถูกปั่นหลอกใช้ซ้ำซากจนเกิดการเผชิญหน้า ขยายสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในสังคมเหมือนในอดีต |
93.7 |
5 |
ม็อบที่ใช้ความรุนแรงเป็นการก่ออาชญากรรม เกินเลยการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย |
93.3 |
6 |
มีแกนนำและกลุ่มผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังรู้เห็นเป็นใจใช้ความรุนแรงถ่อยเถื่อน หยาบคายทำลายทรัพย์สินสาธารณะจากเงินภาษีของประชาชน |
93.2 |
7 |
หมดความอดทนและไม่เห็นประโยชน์ของม็อบ ที่ใช้ความรุนแรง ขาดอุดมการณ์ ล้ำเส้นสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ทำลายภาษีของประชาชน สร้างความเดือดร้อน เบียดเบียนผู้อื่น |
92.9 |
สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล (SUPER POLL) โทร 02.051.5928 โทร 064.224.2646 www.superpollthailand.net