บ่ายวันที่ 29 ต.ค. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ รักษาราชการแทน รองผอ.องค์การคลังสินค้า ได้เข้าพบ พ.ต.ท.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา รองผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า และพวกรวม 4 ราย หลังพบความผิดกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว กรณีการทำสัญญาฝากข้าวในโกดังสินค้าของเอกชนรายหนึ่ง ที่ทำให้รัฐเกิดความเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 1,300 ล้านบาท
พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีเอกชนรายหนึ่งได้ทำการยึดหน่วงสินค้าเป็นข้าวจำนวนกว่า 8 หมื่นตัว ทำให้ทางองศ์การคลังสินค้าหรือ(อคส.) ไม่สามารถดำเนินการระบายข้าวให้กับผู้ซื้อได้ ทางนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) จึงได้ทำหนังสือถึงสำนักนิติการ โดยกลุ่มงานสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีดังกล่าว จนพบว่ามีอดีตผู้บริหาร กับพวก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ร่วมกับเอกชนรายหนึ่ง กระทำโดยทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการในลักษณะแบ่งแยกงานกันทำ
โดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ระดับสูง มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงโดยทุจริตอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่าคลังสินค้า โดยเจตนาไม่ดำเนินการตามขั้นตอน ตามระเบียบและกฎหมาย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชื่อสัตย์สุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ให้เอกชนใช้อ้างสิทธิยึดหน่วงข้าวตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
“จากการกระทำดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้องค์การคลังสินค้าได้รับความเสียหาย เป็นเงินงบประมาณค่าเช่าที่ชำระไป จำนวน 196,814,636 บาท และความเสียหายจากข้าวที่ยังคงค้างอยู่ในคลังสินค้า ที่ทำให้ไม่สามารถระบายข้าวให้ผู้ซื้อได้ เป็นเหตุทำให้รัฐเสียหายกว่า 1,300 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม จึงได้นำเอกสารหลักฐานมายื่นเรื่องต่อกองปราบปราม ให้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหารในฐานความผิดม.151 และ157 อีกทั้งให้ดำเนินคดีกับเอกชนรายดังกล่าวด้วย
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้ ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป