วันนี้ (4 พ.ย.64) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายธนสุวิทย์ ทับหิรัญรักษ์ ที่ปรึกษาอปท.นิวส์ ร่วมแถลงข่าวผลการสำรวจการรับรู้ข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในหัวข้อ“ถามใจคนท้องถิ่น ใช้สิทธิเลือกตั้ง อบต.” เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงการรณรงค์เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งก่อนจะถึงวัน “เลือกตั้ง อบต.” ในวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย. 2564 นี้
นายธนสุวิทย์ กล่าวว่า ทำการสำรวจระหว่างวันที่19-25 ต.ค.2564 โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมาย 5 ภาค ภาคละ 3 จังหวัด จากข้อมูลผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง อบต. คร้ังหลังสุด คือ ภาคเหนือ จ.ลำพูน ลำปาง กำแพงเพชร ภาคกลางและปริมณฑล จ.เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ภาคกลางและตะวันออก จ.สระบุรี ลพบุรี ชลบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.มหาสารคาม ยโสธร อุดรธานี และภาคใต้ จ. ชุมพร สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ รวม 15 จังหวัดๆ ละ 150 ราย รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 2,756 คน
จากการสำรวจร้อยละ 86 ทราบแล้วว่าจะมีการ เลือกตั้ง อบต. วันไหน มีเพียงร้อยละ 14 ที่บอกว่าไม่ทราบ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ทราบว่า มีการเลือกตั้งส่วนใหญ่ทราบจากสื่อสังคมออนไลน์ รองลงมาคือ ป้ายประชาสัมพันธ์เชิญชวน และรู้จากผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่อบต.
เมื่อถามว่าการเลือกตั้งอบต. ทำให้นึกถึงเรื่องใดมากที่สุด ร้อยละ 50 ตอบว่าการพัฒนาท้องถิ่น ร้อยละ 26 นึกถึงประชาธิปไตย และร้อยละ 25 นึกถึงสิทธิของคนในท้องถิ่น
นอกจากนี้ร้อยละ 58 เห็นว่า การ “เลือกตั้ง อบต.” มีผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเอง มีเพียงร้อยละ 26 ตอบว่าไม่แน่ใจ และร้อยละ16 ตอบว่าไม่มีผล ส่วนความเชื่อมั่นว่าการ “เลือกตั้ง อบต.” ครั้งนี้ มีความสุจริต โปร่งใส หรือไม่ มีเพียงร้อยละ 31 ที่เชื่อมั่น ร้อยละ 50 ไม่แน่ใจ และร้อยละ19 ไม่เชื่อมั่น
ส่วนวันเลือกตั้งที่ 28 พ.ย.64 จะไปเลือกตั้งหรือไม่ ผลสำรวจร้อยละ 53 ตอบว่าไปแน่นอน ร้อยละ 27 คิดว่าจะไป มีร้อยละ 17 ที่ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 3 ที่บอกว่าไม่ไป
ส่วนปัจจัยที่จะมีผลต่อการไปใช้สิทธิเลือกตั้งอบต.หรือไม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 51 ระบุว่า โควิด-19 ร้อยละ 17 มองเรื่องความสะดวกในการเดินทาง และร้อยละ 12 มองเรื่องฝนฟ้าอากาศและผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่เหลือร้อยละ 8 คือค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
สำหรับปัจจัยใดจะส่งผลต่อการ “เลือกตั้ง อบต.” ครั้งนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 34 ตอบว่าเป็นนโยบายการหาเสียง รองลงมาร้อยละ 27 คือคุณสมบัติของผู้สมัคร ร้อยละ 20 คือวิธีการและกลยุทธ์ในการหาเสียง ร้อยละ 12 ระบุว่า อิทธิพลของนักการเมือง และร้อยละ 7 บอกว่าเงินที่ใช้หาเสียง
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่าเคยพบปะพูดคุยกับอดีตนายก หรือสมาชิก อบต. เพื่อเสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาท้องถิ่นไหม มีเพียงร้อยละ 39 บอกว่าเคย และร้อยละ 61 บอกว่าไม่เคย
ส่วนการรู้จักแอปพลิเคชั่น Smart Vote ที่กกต.ได้พัฒนาขึ้นเพื่อไว้สำหรับให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีเพียงร้อยละ 33 ที่ตอบว่าทราบ และร้อยละ 67 ตอบว่าไม่ทราบ ขณะที่แอปพลิเคชั่นตาสับปะรด ที่กกต.สร้างขึ้นเพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนแจ้งข้อมูลการทุจริตการเลือกตั้ง มีประชาชนทราบเพียงร้อยละ 38 และ ร้อยละ 62 ตอบว่าไม่ททราบ
นายธนสุวิทย์ กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าวที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 27 ระบุว่าคิดว่าจะไป และร้อยละ 17 ยังไม่แน่ใจว่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งอบต.ในวันที่ 28 พ.ย. และร้อยละ 51 ระบุว่าปัญหาโควิด-19 เป็นปัจจัยที่ผลต่อการออกไปใช้สิทธินั้น เห็นว่า ถ้ากกต.เร่งประชาสัมพันธ์ทำให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง อบต. และสร้างความเชื่อมั่นว่าจะปลอดภัยเมื่อออกไปใช้สิทธิ ก็จะทำให้ตัวเลขของผู้ที่คิดว่าจะไป และยังไม่แน่ใจว่าจะไปใช้สิทธิในวันที่ 28 พ.ย. หรือไม่ เปลี่ยนใจไปใช้สิทธิ ซึ่งเมื่อตัวเลขของคน 2 กลุ่มนี้ ไปรวมกับผู้ที่ตอบยืนยันว่า จะไปใช้สิทธิแน่นอน ซึ่งขณะนี้มีอยู่ร้อยละ 53 ก็จะทำให้ผู้ที่จะออกไปใช้สิทธิมีสูงถึงร้อยละ 80 ได้
ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ผลสำรวจที่ออกมาเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของกกต.ทำให้เทราบว่า ที่ผ่านมามีจุดไหนที่กกต.ควรจะไปเพิ่มเติมก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ต้องการให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิให้มาก เพราะจำนวนผู้มาใช้สิทธิเป็นตัวบ่งชี้ถึงการพัฒนาประชาธิปไตย
“อย่างในเรื่องปัญหาโควิด-19 ที่ผลสำรวจระบุว่า เป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจออกไปใช้สิทธิ ทางสำนักงานกกต.ก็จะนำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาว่า จะมีมาตรการอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจและออกมาใช้สิทธิให้มาก ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป ก็อาจจะมีการทำสำรวจในลักษณะนี้อีก เพื่อเป็นข้อมูลให้สำนักงานในการพัฒนาประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด”