วันนี้(12 พ.ย.64) นายจรัญ ภักดีธนากุล ผู้อำนวยการหลักสูตรนิติศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญกรณีแกนนำม็อบราษฎร ถูกตัดสินล้มล้างการปกครองฯ ระหว่างบรรยายพิเศษ ให้กับนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมือง และการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 12 ที่สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดขึ้นว่า
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวเชื่อว่า ต้องการจะออกมาเตือน ป้องปรามว่าการกระทำของกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่มีขอบเขตผิดกฎหมาย และมีความผิดระดับร้ายแรง เพราะหากถือตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ถือว่าร้ายแรงมากจึงเหมือนอยากจะให้ถอยกันให้หมด
นายจรัญ กล่าวว่า คำวินิจฉัยชัดเจนว่า มีผลเฉพาะคนที่ทำผิดคือ ผู้ถูกร้องทั้ง 3 คนเท่านั้น ไม่มีผลผูกพันคนอื่น แต่ยอมรับว่าอาจจะมีคนตกใจโดยเฉพาะกลุ่มเครือข่ายที่เคยสนับสนุน เพราะที่ผ่านมาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร
แต่ครั้งนี้คำวินิจฉัยถูกแยกออกเป็นสองส่วน คือ คำวินิจฉัยที่เป็นประเด็นโดยตรง และ คำวินิจฉัยที่มีการนำประเด็นต่างๆ มาขยายเหตุผลว่าศาลได้ผ่านกระบวนการความคิดประมวลมาต่างๆ จึงนำมาแสดงเหมือนชักแม่น้ำทั้ง 5 มาให้ประชาชนได้ทราบ เพราะศาลยึดหลักมาโดยตลอดว่า ศาลจะไม่ชี้แจงหลังการพิจารณา ดังนั้น เหตุผลที่เป็นองค์ประกอบจึงไม่มีผลผูกพัน
นายจรัญ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัย มีสื่อมวลชนมาสัมภาษณ์ เกี่ยวกับประเด็นการเสนอแก้มาตรา 112 ตนไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิก และแก้ไข ซึ่งบังเอิญว่าสอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับศาลรัฐธรรมนูญ
นายจรัญ ยอมรับว่า ถูกขู่ เช่นกัน แต่ขอบอกเลยว่าไม่มีใครเขากลัวคำขู่ คนทำงานมาถึงขนาดนี้ พร้อมที่จะตายได้ทุกวัน เพราะตอนนี้อยู่ก็ถือเป็นกำไร แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คือ ของจริง ไม่ใช่คำขู่
“จากการวิเคราะห์คำวินิจฉัยดังกล่าว ท่านต้องการปราม เพราะไม่ต้องการให้ลุกลามไปมากกว่านี้ เพราะถ้าคุณไม่พอใจรัฐบาล คุณก็โค่นล้มรัฐบาลไป ไม่เกี่ยวข้องกับองค์พระประมุขของชาติ ดังนั้น ขออย่าตกใจ และให้มั่นใจว่า คนในวงการตุลาการจะไม่บ้าจี้ ให้เกิดความรุนแรงทางใดทางหนึ่ง แต่ท่านจะพยายามประคับประคอง และมั่นใจว่าเมื่อคำตัดสินออกมาแบบนี้ เหตุการณ์จะสงบขึ้น” นายจรัญ ระบุ