หลังจากมีราชกิจจานุเบกษาประกาศให้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่หนึ่ง พุทธศักราช 2564 มีผลบังคับใช้ ให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และมี ส.ส.แบบเขต 400 คน , ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100คน อย่างเป็นทางการ ส่งผลพรรคการเมืองคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้ง
วันนี้ (22 พ.ย. 2564)มีความเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยืนยันถึงความพร้อมในการเลือกตั้งแบบใหม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคฯ มีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งแบบใหม่ และพร้อมที่จะส่งผู้สมัครลงแข่งขันรับเลือกตั้งทั้ง 400 เขตทั่วประเทศอย่างแน่นอน
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ที่ผ่านมา ท่านหัวหน้าพรรค และตนเองพร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และบรรดาแกนนำของพรรคฯได้ร่วมกันลงพื้นที่พบปะทั้งสมาชิกพรรคและผู้แทนว่าที่ผู้สมัครของพรรคทุกภาคอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเตรียมพร้อมและมีว่าที่ผู้สมัครครบหมดทุกจังหวัดแล้ว และ ในทุกจังหวัด ได้ดำเนินการเลือกตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกตั้งนั้น ครบเกือบหมดทุกเขตแล้ว ดังนั้น ตามกลไกของพรรคได้ถูกวางไว้เรียบร้อยหมดแล้ว จึงพร้อมมากสำหรับการเลือกตั้งในครั้งหน้า
"พรรคฯมีความเป็นแผ่น เข้มแข็ง และในฐานะที่เป็นพรรคฯแกนนำของรัฐบาล ก็ได้มีการขับเคลื่อนผลงานผ่านกลไกรัฐถึงพี่น้องประชาชนเห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนทุกมิติรอบด้าน ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในผู้แทนในทุกพื้นที่ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้และอื่นๆ จึงมั่นใจว่า พรรคพปชร.จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และมีชัยชนะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน"
ด้านนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ฐานะหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทยคนใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรคที่เดินหน้าทำงานการเมือง ไม่ควบรวมกับพรรคการเมืองใด ทั้งนี้ในการเลือกตั้งที่ปรับกติกาเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ พรรคต้องส่งผู้สมัครเขตที่ขยันทำงาน ส่วน ผู้สมัครแบบส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องเป็นผู้ที่น่าสนใจ ทำให้ประชาชนเห็นว่าเป็นพรรคที่มีคุณภาพ
"เราเป็นพรรคขนาดเล็กขนาดกลางที่มีคุณภาพ ซึ่งครั้งหน้าก็ยังจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้าส่วนตัวคิดว่าจะได้ ส.ส. 10 คนขึ้นไป ซึ่งอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ และตั้งเป้าไว้ว่าจะได้มากกว่า 1 กระทรวง ก็น่าพอใจ"
กรณีการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นผู้นำหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายเอนก กล่าวว่าต้องรอดูว่า พล.อ.ประยุทธ์จะทำงานการเมืองต่อไปหรือไม่ ส่วนตอนนี้พรรคสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เต็มที่จนกว่าจะหมดวาระหรือยุบสภา
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าว นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลังประชาชาติไทย อาจจะย้ายพรรคนั้นว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าว และคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคก็ยังมั่นคงกับพรรค ซึ่งตนมีโอกาสได้เจอนายชุมพลครั้งสุดท้ายเมื่อไม่ถึงเดือนที่ผ่านมา ก็ยังดี ยังมั่นคง จึงไม่น่าจะมีปัญหา