วันนี้ (25 พ.ย.64) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านนายไพโรจน์ นิยมเดชา นักสืบคดีทุจริต ถึงนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้สอบสวนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค เฉพาะช่วงถนนจรัญสนิทวงศ์ 13 ถึงบางแค ระยะทาง 9 กิโลเมตร
บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ผู้ก่อสร้างในวงเงิน 13,380 ล้านบาท กลับคืนสภาพถนนด้วยการลาดยางแทนถนนคอนกรีตให้กรุงเทพมหานคร อันเป็นการผิดสัญญาการก่อสร้างว่าเป็นการผิดกฎหมายป.ป.ช. หรือ กฎหมายอาญาอื่นใดหรือไม่ ข้าราชการกรุงเทพมหานคร คู่สัญญา และบริษัทเอกชนต้องรับผิดชอบตามกฎหมายหรือไม่
กรณีนี้ได้รับการร้องเรียนจากชาวฝั่งธนบุรีว่าไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาการก่อสร้างคือไม่ได้คืนสภาพถนนให้กับกรุงเทพมหานครในสภาพเดิมตามที่ระบุไว้ในสัญญาและการก่อสร้างรถไฟฟ้าได้เสร็จมานานแล้วทำให้รัฐเสียประโยชน์ คือ
1. สภาพถนน เดิมเป็นถนนคอนกรีตตั้งแต่ถนนจรัญสนิทวงศ์ 13 จนถึงบางแคระยะทาง 9 กิโลเมตร บริษัทก่อสร้างกลับลาดยางแทนถนนคอนกรีต โดยไม่ปรากฏว่ากรุงเทพมหานครหรือคู่สัญญามีการทักท้วงแต่อย่างใด จึงขอให้ตรวจสอบว่าบริษัทเอกชนปฏิบัติตามสัญญาก่อสร้างครบถ้วนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนห่งประเทศไทย หรือ รฟม.และข้าราชการกรุงเทพมหานครปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือผิดกฎหมายอื่นใดของป.ป.ช.หรือไม่
2.แต่เดิมถนนเพชรเกษมมีไฟฟ้าส่องสว่างที่เกาะกลางถนนตลอดแนว ปรากฏว่าเมื่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จ ไฟเกาะกลางถนนตั้งแต่สถานีบางหว้าถึงสถานีบางแคมีติดเฉพาะหัวเลี้ยวเท่านั้น ไม่ได้ติดตั้งไฟแสงสว่างตลอดเกาะกลางถนนดังสภาพเดิม ชาวฝั่งธนบุรีได้รับความเดือดร้อน
จึงอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 มาตรา 50 มาตรา 63 และมาตรา 78 ซึ่งเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทย ขอชี้เบาะแสการทุจริตมายังคณะกรรมการป.ป.ช.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายโดยด่วนที่สุด
พร้อมกับแนบหลักฐานเป็นเอกสารมาประกอบการพิจารณา โดยขอให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนชาวกรุงเทพฯ ด้วย และหากป.ป.ช.ต้องการพยานบุคคล นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ พร้อมมาเป็นพยานบุคคลให้ทันทีที่ป.ป.ช.ตั้งคณะอนุไต่สวนฯ