วันที่ 21 ธันวาคม 2564 ที่ห้องประชุมพรรคพลังประชารัฐ รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรค พปชร.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีวาระการพิจารณาว่าจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา เขต 6 และชุมพร เขต 1
จากนั้นเวลา 16.20 น.น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.จ.สงขลา และไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ได้เสนอนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ เป็นตัวแทนของพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งของพรรค ส่วนการส่งผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้น ยังไม่มีวาระการประชุมเรื่องนี้ ขณะที่กรณีที่มีชื่อ นางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือมาดามแป้ง ก็ยังไม่มีประเด็นนี้เช่นกัน
ด้าน นายสุชาติ กล่าวถึงสาเหตุที่ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเพียงเขตเดียว ว่า จ.สงขลา มี 8 เขต โดยมี ส.ส.ของพรรค 4 เขต ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มี 3 เขต พรรคภูมิใจไทย 1 เขต ถือว่าพื้นที่ ส.ส.ของเรามีมากกว่า ซึ่งยุทธศาสตร์ในการทำการเมืองที่จะทำให้ประชาชนสามารพึ่งพิงได้ เราต้องขยายพื้นที่ ถ้าเราไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา เราจะตอบ ส.ส.ของพรรคอีก 4 คนไม่ได้ ส่วน จ.ชุมพร ที่พรรคไม่ส่งผู้สมัครนั้น เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของพรรค และมองว่า จ.ชุมพร ไม่มี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ จึงระดมสรรพกำลังทั้งหมดไปสู้และรักษาพื้นที่ใน จ.สงขลา ดีกว่า
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เพราะปล่อยให้ นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจจะมาร่วมงานกับพรรคพปชร.ในอนาคตหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นสิ่งที่คิดได้ แต่เป็นเรื่องของอนาคต ส่วนตัวตนและนายชุมพล และนายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลังประชาชาติไทย เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคต เราเป็นผู้แทนกันในสภามา 10 กว่าปี เป็นเรื่องปกติที่เราจะมีเพื่อนหลายพรรค ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่ในการเลือกตั้งเรายึดถือยุทธศาสตร์การขยายพื้นที่เป็นหลัก
เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ใช่การเกี๊ยะเซียะทางการเมืองใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์การขยายพื้นที่เท่านั้นเอง
เมื่อถามต่อว่า การไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม จะส่งผลต่อการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า คิดว่าไม่ เพราะการเลือกตั้ง 400 เขตตามกฎหมายที่เรากำลังจะแก้ ไม่มีทางที่จะยึด 400 เขตไปหลัก ซึ่งก็ต้องโฟกัสอยู่แล้วว่าจะเอาเขตไหนบ้าง เราไม่มีเหตุผลที่จะสู้ทั้ง 400 เขต ทางการเมืองเราต้องการเสียงข้างมากสุดในสภาฯ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเราก็ต้องโฟกัสจังหวัดที่เรามีพื้นที่อยู่แล้วและสามารถขยายพื้นที่ได้อีก
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม คิดว่าผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะเข้าใจ กลับกันถ้าเขาเป็นเราก็ต้องคิดเหมือนกับเรา หากเขามี ส.ส.มากกว่าเราก็ต้องรักษาพื้นที่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของการยึดพื้นที่จังหวัดที่เรามี ส.ส.มากกว่า ถ้ามองว่าเราจะมีปัญหากันมันไม่ใช่หรอก เพราะเรารู้จักกันหมด และเราก็เป็นเพื่อนกันหมด ไม่ว่าจะในทางการเมืองหรือการเลือกตั้ง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะต้องรักษาพื้นที่ เช่น ตนอยู่ในนามพรรค พปชร.ก็ต้องทำงานให้กับพรรค พปชร.
เมื่อถามว่า แต่ที่ผ่านมาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแซะพรรค พปชร.ตลอด นายสุชาติ กล่าวว่า ตนเข้าใจได้ เพราะความรู้สึกของแต่ละท่าน ส.ส.แต่ละพรรคก็มีหลายร้อยหลายสิบคน ความคิดของแต่ละคนก็ต่างกัน แต่เชื่อว่าเหตุผลของพรรค พปชร.จะเป็นที่เข้าใจได้