“สกลธี” รับสนใจ ชิง"ผู้ว่าฯกทม."ลั่นไม่เกี่ยวข้อง พปชร.แล้ว

23 ธ.ค. 2564 | 07:49 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ธ.ค. 2564 | 14:58 น.

"สกลธี" รับสนใจลงชิง "ผู้ว่าฯกทม." คาดอีก1-2เดือนชัดเจน ยัน กปปส. แทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ พปชร.แล้ว เผยเข้าพบ "นายกฯ" ขอพรปีใหม่ พูดคุยอนาคตทางการเมือง

วันที่ 23 ธ.ค.2564 นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตแกนนำ กปปส. เปิดเผยผ่านรายการ "เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ ไทยแลนด์" ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวที่มีหลายกลุ่มการเมืองเริ่มเสนอตัวชิงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมยกตัวกอย่างกลุ่ม กปปส.ที่อาจเปิดตัวด้วย ว่าขอให้ถามนายชัยวุฒิ ดีกว่า เพราะตนกับนายชัยวุฒิ อาจจะเป็นกลุ่มที่เป็นเพื่อนกินเที่ยวด้วยกัน ถ้าถามตน ด้วยความที่เราคบกันมานาน  นายชัยวุฒิ คงเห็นว่า ตนทำงานใน กทม.มา 4 ปี คงมองว่า ทำไมถึงไม่เสนอตัวเอง แต่ด้วยความสัตย์จริง ยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับนายชัยวุฒิ แต่อย่างใด

 

เมื่อถามว่า การส่งสัญญาณของนายชัยวุฒิ ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง นายสกลธี กล่าวว่า อาจจะเป็นอย่างนั้น ถ้าจำกันได้ 1 ปีก่อน ตนเป็นหนึ่งในคนที่สนับสนุนนางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ ลงชิงผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อมีอุบัติเหตุทางการเมืองก็เงียบๆซาๆกันไป เป็นไปได้ว่านายชัยวุฒิอาจจะเห็นว่าตนทำงานใน กทม.มา 4 ปี มีประสบการณ์ ทำไมถึงไม่เสนอตัวเอง
 

นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

เมื่อถามว่า กรณีนางทยา เจออุบัติเหตุทางการเมืองจนไม่สามารถลงสมัครได้แล้ว ทำให้คนหันมาสนใจชื่อของนายสกลธี ใช่หรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า ช่วงนั้นถ้าจำกันได้ มีการเตรียมการกันอยู่พอสมควร ทั้งจัดทีมหาเสียง วางตัวผู้สมัคร ส.ก. กันพอสมควร พอเกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่ละคนก็กระจายกันออกไป บางคนไปอยู่กับทีมท่านจักรทิพย์ ชัยจินดา , บางทีมอยู่กลุ่มรักษ์กรุงเทพ และยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้ต่อ

 

เมื่อถามว่าทีมที่เตรียมไว้แตกไปหมดแล้วใช่หรือไม่ นายสกลธี กล่าวยอมรับว่า ใช่ครับ ทุกคนแยกย้ายกันไป แต่ยังมีการพูดคุยกันตลอด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตนเอง , นายณัฏฐพล และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดีอีเอส ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง พปชร. เราก็เป็นทีมดูแลพื้นที่ กทม.ของพรรค ดังนั้นแต่ละคนแยกย้ายกันไป แต่ยังมีการพูดคุยกัน รับประทานข้าวกันตามปกติ
 

เมื่อถามว่า ไม่ได้ย้ายไปอยู่กับทีมของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ใช่หรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า มีบางคน แต่ไม่เยอะเท่ากับที่อยู่กับ พปชร.

 

เมื่อถามย้ำว่า ธงส่วนตัวยังสนใจลงผู้ว่าฯ กทม.ใช่หรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า “ผมขอเรียนตรงๆ ผมทำงาน กทม.จะครบ 4 ปี เดือนเมษายนนี้ มีความสนุกกับการทำงาน มีความสนใจการเมืองท้องถิ่น แต่ต้องดูหลายๆอย่างประกอบในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าว่าความชัดเจนจะเป็นอย่างไร ผมถึงจะให้คำตอบได้ ถามว่าผมสนใจหรือไม่ ก็สนใจอยู่แล้ว เพราะอยู่ในท้องถิ่นมา 4 ปีแล้ว”

 

นายสกลธี กล่าวต่อไปว่า ต้องดูเรื่องความชัดเจนเกี่ยวกับวันเลือกตั้ง และยังมีภารกิจหลายอย่างที่ยังทำค้างอยู่ หลายอย่างเป็นนโยบายมาจากนายกรัฐมนตรี เรายังทำไม่เสร็จ และอาจจะจบในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะโครงการพัฒนาคลองแสนแสบที่รับนโยบายมาจากนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เข้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ที่ต้องทำให้เกิดการเชื่อมต่อการเดินทางล้อ ราง เรือ และใช้พลังงานสะอาด วันนี้เสร็จเกือบหมดแล้ว ก็จะเปิดให้บริการช่วงเดือนมีนาคมนี้

 

เมื่อถามว่ายังมีเงื่อนไขอะไรที่ต้องรอดูอีกหรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า อาจจะเป็นรวบรวมคนที่สนใจและมีแนวทางไปทางเดียวกัน อยากพัฒนาบ้านเมือง อยากพัฒนา กทม. แต่ตนไม่ได้ปิดตาย อาจจะโดดกลับไปสนามใหญ่ก็ได้ แต่ตนยังสนุกกับท้องถิ่น มีอะไรอีกหลายอย่างต้องเรียนรู้อีกเยอะ

 

เมื่อถามต่อว่า เงื่อนไขสำคัญคือต้องรอดูว่า พปชร.จะสนับสนุนด้วยหรือไม่ นายสกลธี ปฏิเสธทันทีว่า “ตรงนั้นไม่เกี่ยวเลยครับ ตั้งแต่นายณัฏฐพล นายพุทธิพงษ์ โดนคดีไปเมื่อเดือน ก.พ. กลุ่มของพวกผมใช้คำว่าถอยห่างออกมาจากการบริหาร อาจจะด้วยเหตุผลหลายอย่างภายในเรียกว่าแทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ พปชร.เหลืออยู่เลย”

 

เมื่อถามย้ำว่าหากลงผู้ว่าฯ กทม.จะลงในนามอิสระใช่หรือไม่ นายสกลธี กล่าวยอมรับว่า “ใช่ครับ ถ้าลงคงจะเป็นอย่างนั้น”
เมื่อถามถึงการเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64ที่ผ่านมา นายสกลธี กล่าวว่า ทุกปีตนกับนายณัฏฐพลจะเข้าไปขอพรปีใหม่นายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ ท่านถามสารทุกข์สุขดิบเรา ท่านก็ถามนายณัฏฐพลว่าตั้งแต่โดนคดีไปได้ทำอะไรมาบ้าง เป็นการพูดคุยกันเรื่องทั่วไปมากกว่า

 

เมื่อถามย้ำว่าได้พูดคุยเรื่องอนาคตทางการเมืองและเรื่องผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า “เรียนตรงๆ ก็มีการคุยกันครับ แต่ขออนุญาตไม่เปิดเผย เพราะคุยกับท่านนายกรัฐมนตรี อาจจะเสียมารยาทหากนำมาเปิดเผย”

 

นายสกลธี กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนตัวน่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นปี 2565 ไม่เกิน ก.พ.ก็น่าจะชัด อย่างที่เรียนว่า ตนอยากทำภารกิจ กทม.ให้ลุล่วงเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ตนอาจจะเลิกไปเฉยๆ แล้วกลับไประดับชาติก็ได้ เรื่องนี้ยังไม่แน่นอน แต่ถามว่าสนใจหรือไม่ ตนสนใจเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาศาลาว่าการ กทม.แล้ว