2564 ปีแห่งการปราบกบฏ "รัฐบาลบิ๊กตู่"

29 ธ.ค. 2564 | 04:28 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ธ.ค. 2564 | 17:05 น.

ปี 2564 เหตุการณ์ทางการเมืองเหตุการณ์หนึ่งที่ต้องยกให้เป็นสุดยอดการเมืองแห่งปี ก็คือการปราบกบฏในรัฐบาลบิ๊กตู่

ในรอบปี 2564 เหตุการณ์ทางการเมืองเหตุการณ์หนึ่งที่ต้องยกให้เป็น “สุดยอดการเมืองแห่งปี” ก็คือการ “ปราบกบฏ” ในรัฐบาลบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  

 

อันเกิดจากคนใน “พลังประชารัฐ” ซึ่งเป็นพรรคที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี คิดคดจะโค่นล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ในสภาผู้แทนราษฎร ด้วยการลงมติไม่ไว้วางใจ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

“ธรรมนัส”คิดโค่นนายกฯ

 

ย้อนเหตุการณ์ไป เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2564 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ 5 รัฐมนตรี ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญรีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
 

 

ศึกซักฟอกครั้งนี้ มีขึ้นระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. 2564 พรรคร่วมฝ่ายค้านล็อกเป้าซักฟอกไปที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ด้วยข้อกล่าวหาที่รุนแรง ความยาว 3 หน้ากระดาษ  อาทิ เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม และไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งในภาวะปกติและในภาวะวิกฤติ ฯลฯ

ในระหว่างที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเปิดฉากอภิปรายการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เกิดความเคลื่อนไหวจากกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  เดินสายล็อบบี้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ด้วยผลประโยชน์ เพื่อให้ลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 4 ก.ย.2564 

 

เป้าหมายหวังโค่น “บิ๊กตู่” ลงจากเก้าอี้นายกฯ  และกดดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังเสร็จศึกซักฟอก และอาจไปไกลถึงขั้น "เปลี่ยนตัวนายกฯ" 
   

ถึงขนาดปรากฏภาพกลางสภาที่ ร.อ.ธรรมนัส เข้าไปคุยกับส.ส.กลุ่มพรรคเล็ก เช่น พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และ พรรคพลังท้องถิ่นไทย ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 

                                 2564 ปีแห่งการปราบกบฏ \"รัฐบาลบิ๊กตู่\"

พร้อม ๆ กับมีข่าวลือว่า เกิด “ดีล” ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส กับ คนแดนไกล ทักษิณ ชินวัตร จับมือกันเพื่อโค่นล้ม พล.อ.ประยุทธ์ แต่ ทักษิณ ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว 

 

“ที่มีปัญหาเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส เพราะมีคนปล่อยข่าวว่าผมเอาเงิน 2,000 ล้านไปให้ธรรมนัส แล้วทำไม่สำเร็จ กลายเป็นดีลล่ม คือ ผมจะบอกว่า ผมเริ่มจากศูนย์ ผมหาเงินเอง ดังนั้นผมไม่โง่เรื่องใช้เงิน” ทักษิณ ระบุ 

 

“ 2 ป.” รู้ทัน

 

อย่างไรก็ตาม แผนการของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ทางฝ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ และ ป.ป๊อก- พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็รู้ทัน จึงได้เกิดความเคลื่อนไหวเพื่อ “หยุดปฏิบัติการ” ของ ร.อ.ธรรมนัส ด้วยการล็อบบี้ส.ส.เพื่อให้โหวตไว้วางใจนายกฯ โดยพึ่งบริการของแกนนำกลุ่มสามมิตร  นายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ 

 

เห็นได้จากในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่สาม นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ ว่า จ่ายเงินให้ ส.ส.รายละ 5 ล้านบาท ในห้องทำงานชั้น 3 ของอาคารรัฐสภา ทำให้ “นายกฯ” ลุกขึ้นชี้แจงกลางสภาว่า ส.ส.แค่มาทักทาย และ "ผมไม่ทำบ้า ๆ บอ ๆ แบบนั้น ไม่ทำถุงขนมอยู่แล้ว"

 

หลังมีกระแสข่าว “แจกกล้วย” ให้พรรคเล็ก นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ออกมาสยบข่าว โดยยืนยันว่า ไม่มีการแจกเงิน 5 ล้านบาท ตามที่ นายวิสาร กล่าวหา ที่มีส.ส.เข้าพบนายกฯ ก็เป็นเพียงการเข้าไปให้กำลังใจ และกระแสข่าวการเลื่อยขาเก้าอี้นายกฯ เป็นเพียงเฟกนิวส์เท่านั้น 

                                       2564 ปีแห่งการปราบกบฏ \"รัฐบาลบิ๊กตู่\"

ไว้วางใจ“นายกฯ”รองบ๊วย

 

กระทั่งการลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 4 ก.ย.2564 ทางวิปรัฐบาลกำชับให้ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ลงมติไปในทิศทางเดียวกัน และคะแนนไว้วางใจนายกฯ จะต้องมาเป็นอันดับ 1   

 

แต่ผลการโหวต นายกฯ และ 5 รัฐมนตรี แม้จะได้รับความไว้วางใจจากส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง  แต่ไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ กลับกลายเป็นว่าได้รับความไว้วางใจอันดับรองบ๊วย ด้วยคะแนนเสียง 264 ต่อ 208 งดออกเสียง 3 เสียง

 

ขณะที่รัฐมนตรีอีก 5 คน ก็ได้รับความวางใจ โดยมีคะแนนลดหลั่นกันไป ดังนี้

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับความไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 269 ต่อ 196 งดออกเสียง 11 เสียง  

 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้รับความไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 263 ต่อ 201 งดออกเสียง 10 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้รับความไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 269 ต่อ 195 งดออกเสียง 10 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

 

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้รับความไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 270 ต่อ 199 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

 

และนายชัยวุฒิ (ดีอีเอส) ได้รับความไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 267 ต่อ 202 งดออกเสียง 9 ไม่ลงคะแนน ไม่มี 

 

หลังการโหวตเสร็จสิ้นลง เกิดความไม่พอใจจากฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ที่เพ่งเล็งไปที่ ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในปฎิบัติการโค่น “บิ๊กตู่”

 

เหตุการณ์นี้นำมาสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่าง นายกฯ กับ ร.อ.ธรรมนัส ทั้ง 2 มีท่าทีบาดหมางกันตั้งแต่การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ก.ย.64   

                                       2564 ปีแห่งการปราบกบฏ \"รัฐบาลบิ๊กตู่\"

 

ปลดฟ้าผ่าธรรมนัส-นฤมล

 

วันที่ 9 ก.ย.64 ร.อ.ธรรมนัส แถลงด่วนที่รัฐสภา ประกาศลาออกจากเก้าอี้รัฐมนตรี ด้วยเหตุผลการบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ขอกลับไปทำงานที่จังหวัดพะเยา  โดยอ้างว่าได้ตัดสินใจตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.64 

 

“ผมเดินไปในทิศทางเดียวกันไม่ได้ ที่จริงแล้วก่อนที่จะลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ  มีการหารือกับ พล.อ. ประวิตร ว่าจะลาออกแต่หัวหน้าห้ามเอาไว้”

 

ทันทีที่ ร.อ.ธรรมนัส แถลงลาออกที่รัฐสภา ราชกิจจานุเบกษาก็ได้เผยแพร่ พระบรมราชโองการประกาศให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ  นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี พร้อมกันทั้ง 2 คน

 

แม้ ร.อ.ธรรมนัส จะย้ำว่า ไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการเดินสายล็อบบี้ ส.ส.ทั้งในส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคใหญ่ไปจนถึง “พรรคเล็ก” ให้ โหวตคว่ำ “บิ๊กตู่”  แต่คำสั่งฟ้าผ่าจากนายกฯ ก็ได้สะท้อนยุทธการ “ปราบกบฏ” ในรัฐบาล เกิดขึ้นแล้ว

 

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อให้เกิดความรู้สึกกินแหนงแคลงใจกัน มาจนถึงทุกวันนี้ และผลแห่งการปราบกบฏไม่สะเด็ดน้ำ ได้ทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ , ความสัมพันธ์ของ 3 ป.สั่นคลอน, รัฐบาลไม่กล้าเสนอกฎหมายเข้าสภา เนื่องจากเกิดเหตุ “สภาล่ม” บ่อยครั้ง และที่สำคัญคือ อนาคตของ “บิ๊กตู่” และ พรรคพลังประชารัฐ ไม่แน่นอนเอาเสียแล้ว 

 

ต้องคอยติดตามดูว่า จะมีการ “ปราบกบฏ ภาค 2” เกิดขึ้นอีกหรือไม่?