วันที่ 30 ธ.ค.64 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ติดตามการแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งรัฐบาลถือเป็นวาระเร่งด่วน ข้อมูล ณ สิ้นปี 2563 เงินกู้ กยศ. มีหนี้เสีย (NPL) สูงถึง 63% สูงที่สุดในช่วง 25 ปี ปัจจัยที่ทำให้ผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นจำนวนมาก มาจากรูปแบบการชำระเงินคืนไม่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้คืน ซึ่งบางช่วงเศรษฐกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น กยศ.จึงได้ทำการปรับรูปแบบการชำระหนี้ เพื่อลดโอกาสการผิดนัดชำระหนี้และกลายเป็นหนี้เสีย เพิ่มแผนการรับชำระหนี้ให้หลากหลาย ทำให้ผู้กู้สามารถเลือกแผนการชำระคืนให้เหมาะสมกับศักยภาพของตนเอง และยังได้เปิดให้ผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระหนี้ที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี จำนวนกว่า 1.7 ล้านคน ให้เข้ามาแจ้งความประสงค์ขอปรับโครงสร้างหนี้ได้แล้วแบบสมัครใจ ผ่านแอปพลิเคชัน กยศ. Connect หรือผ่านเว็บไซต์ https://wsa.dsl.studentloan.or.th เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้กู้ยืมช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
รูปแบบการชำระหนี้ใหม่ที่จัดให้แก่ผู้กู้ อาทิ 1) การชำระหนี้คืนจากรายปีเป็นรายเดือน และขยายระยะเวลาการผ่อนเป็น 25 ปี จากเดิม 15 ปี 2) ปรับลำดับการตัดชาระหนี้ โดยจะตัดเงินต้นก่อน แล้วจึงนำมาตัดดอกเบี้ย ทำให้ยอดหนี้ลดลง 3) ลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จากร้อยละ 18 ต่อปี เหลือร้อยละ 2 ต่อปี 4) ยกเลิกผู้ค้ำประกัน นับตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป 5) ปรับโครงสร้างหนี้ ให้กับผู้ที่มีปัญหาชำระหนี้ไม่ได้
อนึ่ง ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ กยศ. มอบของขวัญแก่ลูกหนี้ ด้วยการขยายเวลา 5 มาตรการ ออกไปถึง 30 มิ.ย.65 จากเดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค.นี้ ประกอบด้วย 1) ลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากเดิม 1% เป็น 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ 2) ลดเงินต้น 5% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชีสำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ 3) ลดเบี้ยปรับ 100% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชีสำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี 4) ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ 5) ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
น.ส.รัชดา กล่าวยว่า รัฐบาลยังได้เห็นชอบการแก้ไขพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาพ.ศ. 2560 เมื่อ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสาระของการแก้ไข เป็นการขยายโอกาสในการเข้าถึงเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน/นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ มีกลไกให้ผู้กู้สามารถชำระเงินคืนกองทุนได้มากขึ้น อาทิ เลือกชำระเงินกู้ยืมคืนทั้งจำนวนหรือผ่อนชำระ ผู้กู้สามารถกู้ยืมได้โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน (มีผู้ค้ำประกันเฉพาะกรณีที่จำเป็น) จัดลำดับการตัดชำระเงิน โดยเรียงจาก เงินต้น ดอกเบี้ย และเงินเพิ่ม ปรับรูปแบบการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นอาจเป็นรายเดือน รายไตรมาศ รายปี เป็นต้น คาดว่าร่างพ.ร.บ.นี้ จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วาระแรก ในวันที่ 5 ม.ค. 2565 เมื่อมีผลบังคับใช้ กยศ. จะสามารถปรับโครงสร้างหนี้หรือเปลี่ยนแปลงหนี้ใหม่ให้แก่ลูกหนี้ที่ถูกคำพิพากษาได้ เช่น การชะลอการฟ้องร้องและบังคับคดี หรือการชะลอการขายทอดตลาดสำหรับลูกหนี้ที่ติดคดีใกล้ขาดอายุความ
"หนี้กยศ. เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานและประกอบด้วยหลายมิติ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าช่วยเหลือโดยเร่งด่วน ซึ่งที่ผ่านมา กยศ.ได้ดำเนินการปรับปรุงรูปแบบการชำระหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัด การปรับปรุงลำดับการตัดชำระหนี้ ถือเป็นแนวทางที่ช่วยเหลือให้ลูกหนี้เข้าถึงโอกาสการปรับโครงสร้างหนี้ได้มากขึ้น ลดการเกิดหนี้เสีย ขณะที่ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้ จะช่วยเหลือลูกหนี้และผู้ค้ำประกันที่มีปัญหาชำระหนี้ รวมจำนวนแล้วหลายล้านคน ให้ไม่ต้องถูกฟ้องร้อง" รองโฆษกฯกล่าว