วันที่ 5 มกราคม 2565 เวลา 10.45 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผ่านสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีคัดค้านเกณฑ์ที่จะใช้ในการประเมินการปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค.ที่ส่อไม่เป็นธรรม
โดยนายธนพร กล่าวว่า เหตุที่ต้องมาร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เนื่องจากได้เคยร้องคัดค้านถึงความไม่เป็นธรรมของเกณฑ์ประเมินต่อคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (บอร์ด สกสค.) ที่มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
จึงจำเป็นต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับนายกฯ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบหลักการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลที่นายกฯให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกับหน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ต้องดูแลเด็ก และเยาวชนที่เป็นอนาคตของประเทศ
“ที่ผ่านมา บอร์ด สกสค.มีมติที่ส่อถึงความผิดปกติหลายครั้ง โดยเปลี่ยนแปลงมติกลับไปกลับมาว่า จะใช้เกณฑ์แบบใดในการประเมิน ก่อนที่จะมีมติให้เกณฑ์การประเมินล่าสุดเป็นที่ยุติ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกประเมินได้มีโอกาสคัดค้านหากเกณฑ์ประเมินยังคงไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในระบบราชการ ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของผมที่มีสิทธิ์จะไม่ยอมรับกระบวนการที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าว ผมจึงจำเป็นต้องร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้” นายธนพร กล่าว
นายธนพร กล่าวด้วยว่า เกณฑ์การประเมินการทำงานของเลขาธิการ สกสค.ที่บอร์ด สกสค.ถือเป็นข้อยุติ และห้ามคัดค้าน เป็นเกณฑ์ที่ไม่สามารถผ่านการประเมินได้ ตั้งแต่ยังไม่ได้ทำการประเมิน เพราะแม้ทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค. ซึ่งได้อนุมัติจากบอร์ด สกสค.แล้ว จะได้คะแนนเพียงร้อยละ 60 ซึ่งถ้าจะผ่านการประเมินกลับต้องได้คะแนนรวมถึงร้อยละ 65 ขึ้นไป
รวมทั้งเกณฑ์ประเมินก็ถูกกำหนดขึ้นหลังที่ได้ปฏิบัติงานเสร็จภารกิจตามระยะเวลาของการประเมินไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถย้อนกลับมาทำตามเกณฑ์ใหม่ได้ ตลอดจนมีการนำหัวข้อด้านสมรรถนะผู้บริหาร ที่ใช้ดุลยพินิจของบุคคลคือกรรมการประเมินในการให้คะแนนโดยปราศจากตัวชี้วัดที่เป็นวิทยาศาสตร์ และไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญาจ้างและแผนปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค.มาใช้เป็นตัวชี้วัดในการประเมินอีกด้วย
“เมื่อเกณฑ์ประเมินยังเป็นไปในลักษณะไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ผมย่อมไม่สามารถร่วมสังฆกรรมได้ และขอยืนยันว่า จะไม่เข้ารับการประเมิน ทั้งที่ความเป็นจริงได้จัดทำเล่มผลงานของเลขาธิการ สกสค.ไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยากที่จะเข้าสู่กระบวนการประเมิน เพราะมั่นใจในผลงานกว่า 1 ปีที่ผ่านมาในฐานะเลขาธิการ สกสค.ว่า ได้ทำงานตามแผนงาน และยุทธศาสตร์ รวมทั้งนโยบายโปร่งใส ทันสมัย ใส่ใจบริการ ที่วางไว้” นายธนพร กล่าว.