วันนี้(6 ม.ค.65) ที่สำนักงานเขตหลักสี่ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ประจำกรุงเทพฯ ได้เปิดรับสมัครเลือกตั้งส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 9 หลักสี่-จตุจักร แทนตำแหน่งที่ว่างลง เนื่องจากนายสิระ เจนจาคะ อดีตส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ต้องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเหตุให้สิ้นสมาชิกภาพ
โดยบรรยากาศการเปิดรับสมัครในวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆ เดินทางมาพร้อมกับแกนนำพรรคและผู้สนับสนุนที่มาให้กำลังใจตั้งแต่เช้า มีการจัดเตรียมรถและป้ายหาเสียงที่พร้อมจะเขียนหมายเลขทันทีที่ได้รับหมายเลขจริง
และมีเพียงพรรคยุทธศาสตร์ชาติซึ่ งเป็นพรรคใหม่ที่มีการแห่กลองยาวแต่เมื่อมีการทวงติงจากพรรคการเมืองอื่นว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะขณะนี้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งแล้ว จึงได้มีการยุติไป
ขณะที่การรับสมัครกกต.ประจำกรุงเทพฯ ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 กำหนดให้ผู้สมัครพร้อมผู้ติดตาม 1 คนเข้าไปในสถานที่รับสมัครเท่านั้น สื่อมวลชนและผู้สนับสนุนให้รออยู่ภายนอก และได้มีการเริ่มกระบวนการรับสมัครในเวลา 8.30 น. ซึ่งก็จะมีการตรวจเอกสารหลักฐานการรับสมัครโดยนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กกต. ได้เดินทางมาสังเกตการณ์รับสมัครในครั้งนี้
นายสำราญ ตันติพานิช ผอ.กกต.กทม กล่าวว่า สิ่งที่กกต.มีความเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ เรื่องเอกสารหลักฐานในการรับสมัครโดยเฉพาะเอกสารการการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปีของผู้สมัคร
ส่วนกรณีที่ผู้สนับสนุนมีการแทนกองยาวมาให้กำลังใจ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น มีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า การกระทำนี้ตามมาตรา 73 ของกฎหมายเลือกตั้งจะถือเป็นความผิดได้ใบแดง เมื่อผู้สมัครได้รับหมายเลข ดังนั้นหลังผู้สมัครได้รับหมายเลขการหาเสียงที่อาจเข้าข่ายจัดมหรสพ อยากให้พึงระมัดระวังซึ่งทางกกต. กทม.ก็ได้มีการขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยช่วยตรวจตราดูแล
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรค ไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคได้ส่งนายรุ่งโรจน์ อิบรอฮีม ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของเขตดังกล่าวลงอีกครั้ง โดยการแข่งขันครั้งนี้ อยากให้ผู้มัครของพรรคไทยศรีวิไลย์ได้หมายเลข 2 และได้เป็นผู้แทนของเขตหลักสี่ ที่มาจากการเลือกของประชาชนโดยไม่มีการซื้อเสียง เพราะถ้าซื้อเสียงมามันไม่น่าภูมิใจ เพราะฉะนั้นใครที่จ่ายเงินซื้อเสียงหรือแนะนำตัว ให้ส่งคลิปมาให้ตนได้เลย ทั้งนี้ ยืนยันว่าหัวใจตนเต็มที่อยู่แล้ว กล้าทำซึ่งปัญหาทุกเรื่องถ้าทำจริงแปบเดียวก็เสร็จ นอกจากไปรับสินบนเราถึงไม่ทำ
"ส่วนใครที่ตอนนี้แอบเปิดบ่อน ตู้สลอต ตู้ม้า ขอให้ปิดไปก่อนเลย ตอนนี้"พี่เต้" ลงพื้นที่หาเสียงอยู่ไม่เชื่อก็ลองดู"
น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ซึ่งเดินทางมาส่งนายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ลงสมัคร มั่นใจว่า พรรคจะสามารถปักธงได้ผู้สมัครจากเขตเลือกตั้งนี้เป็นที่แรก โดยมุ่งหวังที่จะเข้าไปปราบการทุจริต ส่วนผู้สมัครจะได้หมายเลขใดไม่เป็นปัญหาแต่ถ้าได้หมายเลข 3 จะดีมาก เพราะหมายถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตาม น.พ.วรงค์ เรียกร้องให้พี่น้องชาวหลักสี่ เลือกผู้สมัครของพรรค เพราะไม่ว่าจะเลือกผู้สมัครของพรรคฝ่ายค้าน หรือ ฝ่ายรัฐบาล ไม่มีความหมาย แต่ถ้าเลือกผู้สมัครของพรรคไทยภักดี เสียงสะท้อนว่าคนไทยไม่ต้องการพวกกุ๊ย พวกชังชาติ
น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครของพรรค กล่าวแสดงความมั่นใจว่า วันนี้มีความมั่นใจมาก และต้องการทวงคืนศักดิ์ศรีของพี่น้องประชาชนในพื้นที่
พร้อมย้ำว่ามีความมั่นใจมากๆ ส่วนปัญหาในพื้นที่นั้นผู้สมัครรับทราบปัญหาตลอด แต่สิ่งที่กลัวว่าจะมีปัญหาคือการใช้อำนาจรัฐที่จะเกิดขึ้น แต่พรรคเพื่อไทยก็พร้อมจะป้องกัน
ด้านนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครเลือกตั้งส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร ในนามพรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงความมั่นใจเช่นกัน และไม่ตื่นเต้น เพราะมั่นใจในสิ่งที่ทำมาตลอดชีวิต ทุกวันคือการทำงานเพื่อประชาชน และหลังจากนี้จะทวงคืนศักดิ์ศรีคนหลักสี่กลับคืนมา รวมทั้งในวันนี้ตนไม่เจาะจงว่าจะต้องได้เลขอะไร เชื่อประชาชนจะไว้วางใจ และไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น เพราะตนพร้อมทำเพื่อประชาชนตลอดเวลาอยู่แล้ว
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า และอดีต ส.ส.พื้นที่หลักสี่-จตุจักร ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร เดินทางถึงสำนักงานเขตหลักสี่ พร้อมทีมงานและกองเชียร์คึกคัก
โดยนายอรรถวิชช์ ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความมั่นใจ 100% เพราะตนเองเคยเป็นผู้แทนราษฎรในเขตหลักสี่และเขตจตุจักร ในปี 2550 และ 2554 มาก่อน วันนี้กลับมาลงเลือกตั้งในเขตนี้อีกครั้ง ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก จึงขอขอบคุณประชาชนทุกคน และมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ
เพราะจากการประเมินคู่แข่งแต่ละท่าน ตนเองคุ้นชินพื้นที่มากกว่าและมีผลงานในพื้นที่ไว้มากจึงทำให้มั่นใจ และการเลือกตั้งเหลือเวลาอีกแค่ปีกว่าๆ เท่านั้น สิ่งที่อยากทำ เป็นคนกลางในการพูดคุยกับประชาชนและประสานงานในการดำเนินการเกี่ยวกับซอยย่อย ถนนทางลัด และตามริมคลอง เพราะเขตนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 2คลองคือ คลองลาดพร้าว และคลองเปรมประชากร
“ที่ผ่านมาอดีตผู้แทนราษฎรไม่กล้าเข้าไปเจรจาของปัญหาความขัดแย้ง ทั้งนี้ไม่กังวลคู่แข่งคนใดเป็นพิเศษ เพราะผมเคยแข่งขันกับ นายสุรชาติ เทียนทอง และ นายสิระ เจนจาคะ มาแล้ว และได้รับชัยชนะมา แต่ครั้งนี้มาทำพรรคกล้า ทุกคนเป็นตัวจริงของทุกสาขาอาชีพ จึงอยากให้ทุกคนมาคลุกคลีเพื่อให้รู่ว่าการเมืองคืออะไร เป็นการใช้สนามนี้เป็นสนามทดสอบการเมืองสร้างสรรค์ และมองว่าคะแนนของพรรคกล้ามีความสำคัญเพราะถือเป็นตัวชี้วัดของพรรคที่เกิดใหม่”
ด้านนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง และ ส.ส.กทม. ของพรรคพลังประชารัฐ ถือฤกษ์ 07.09 น. เริ่มออกเดินทางจากสำนักงาน มายังสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีประชาชนมาร่วมให้กำลังใจและร่วมเดินทางมายังสำนักงานเขตด้วยจำนวนมาก
นางสรัลรัศมิ์ กล่าวว่า วันนี้มีกำลังใจดี โดยเฉพาะจากนายสิระ เจนจาคะ สามี ในฐานะอดีต ส.ส.ที่ให้กำลังใจกันทุกวัน เพราะอยู่ด้วยกันทุกวัน รวมถึงประชาชนที่มาร่วมให้กำลังใจ และภายหลังจากที่ได้หมายเลขผู้สมัครในวันนี้ก็จะเดินหน้าลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ส่วนการช่วยเหลือประชาชนนั้นที่ผ่านมาก็ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการช่วยเหลือในทุกมิติ และสิ่งใดที่ประชาชนเรียกร้องมาเร่งด่วนก็จะรีบทำก่อน
ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวว่า นางสรัลรัศมิ์ เป็นภรรยาของนายสิระ ซึ่งเป็น ส.ส.เดิมในพื้นที่อยู่แล้ว และได้มีการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงมีความคุ้นเคยกับประชาชนในพื้นที่ เมื่อประชาชนมีปัญหาหรือความเดือดร้อน โดยเฉพาะในข่วงสถานการณ์โควิดก็ได้มีการดูแลช่วยเหลือและประสานงานมาโดยตลอด จึงทำให้เป็นที่รักและที่ยอมรับของประชาชน เข้าใจปัญหา
ดังนั้น การลงพื้นที่จึงค่อนข้างสบายมาก นี่จึงถือว่าเป็นจุดแข็งของนางสรัลรัศมิ์ พร้อมย้ำว่า มีความมั่นใจที่จะยังรักษาเก้าอี้เอาไว้ได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐก็ชนะในเขตนี้ ตัวผู้สมัครก็ดี รวมถึงกระแสพรรคและผลงานรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นที่ยอมรับของประชาชนจึงมั่นใจว่าประชาชนจะเทคัแนนเสียงให้นางสรัลรัศมิ์อย่างแน่นอน