นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมและข้อมูล พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์เชื้อโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอนที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นแต่วันเกือบหลักหมื่นราย ซึ่งประเทศไทยได้อับดับ Top 10 ของผู้ติดเชื้อใหม่มาหลายวันแล้ว ข้อมูลจาก www.worldometers.info แสดงได้อย่างชัดเจนว่ามารตาการและการจัดการของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่สามารถที่จะหยุดการแพร่กระจายได้ ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มแบบขั้นบันไดในเดือนก.พ.นี้ สร้างความกังวลต่อประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะถังแก๊ส ขนาด 15 กิโลกรัม ความสูง 66 เซนติเมตร เป็นขนาดถังแก๊สขนาดมาตรฐานที่พบบ่อยที่สุดตามบ้านเรือน หรือแม้แต่ตามร้านอาหารร้านอาหารที่ใช้งานทุกวัน โดย 1 ถังสามารถใช้ได้นานประมาณ 2 เดือน
ดังนั้น หากมีการปรับขึ้นราคาถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม ที่ปัจจุบันราคาประมาณ 2,900 บาท และราคาแก๊สถังขนาด 15 กิโลกรัม ปัจุบันราคาประมาณ 318 บาท จะส่งผลกระทบกับประชาชนกว่า 21 ล้านครัวเรือน รวมถึงร้านอาหารซึ่งมีอยู่ 231,916 ร้านอาหาร จากข้อมูลของ wongnai.com จะมีผลกระทบทำให้ราคาขึ้นต่อทั้งร้านค้าและผู้บริโภค
“ยังไม่นับรวมกับราคาวัตถุดิบอาหารสูงขึ้น ไก่-ปลา ที่มีการปรับราคาตามราคาหมู ที่ร้านอาหารปรับขึ้นราคายกแผง ทั้งเมนูต่างๆ มีการปรับราคา 10 - 30 บาทต่อรายการ ประมาณอัตราร้อยละ 10 จากราคาตั้งเดิมไว้ เป็นการซ้ำเติมเพิ่มค่าครองชีพให้กับประชาชนคนตัวเล็ก จากการทำมาหากินที่รายได้ลดลง จากสถานการณ์โควิด ต่อเนื่องมาถึงสายพันธุ์โอไมครอนที่กำลังระบาดในขณะนี้ ที่ยังไม่เห็นมาตรการรับมือป้องกันของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม”
นายเทพฤทธิ์ กล่าวอีกว่า พรรคไทยสร้างไทย เคยเรียกร้องให้รัฐบาลลดการจัดเก็บสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งจะทำให้สามารถลดราคาน้ำมันได้ทันทีถึง 5.9 บาทต่อลิตร ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการดังกล่าว เพื่อคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่เผชิญมหาวิกฤติทั้งโรคระบาดและเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ขอให้ลดค่าครองชีพ ที่เป็นปัจจัยใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น ค่าประปา, ค่าไฟฟ้า, ค่าก๊าซหุงต้ม ซึ่งรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารโดยตรง เพื่อลดค่าใช้จ่ายจนกว่าการแพร่กระจายสายพันธุ์โอไมครอนจะหมดไป ซึ่งมาตราการของรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นเพียงระยะสั้นที่ช่วยเหลือเพียง 3 เดือน แต่เห็นได้ชัดว่าโรคยังคงมีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น การต่อสู้กับเชื้อโควิด-19 จึงยังไม่จบในตอนนี้ หรืออันใกล้ จึงขอให้นายกรัฐมนตรีไม่เพียงสั่งแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่ขอให้ติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะเห็นได้ชัดเจนว่า การสั่งการของนายกรัฐมนตรี มิได้มีผลสำเร็จ การไม่มีกินของประชาชนจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต ถ้ารัฐบาลไม่มองการช่วยเหลือประชาชนในระยะยาวอย่างยั่งยืน ที่สร้างความมั่งคงในการใช้ชีวิต โดยการดูแลปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน