บรรยากาศการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ร้อนระอุ หลังพรรคฯ มีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพปชร. พร้อม 20 ส.ส. พ้นพรรค ทำให้ทั้งหมดต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะเข้าสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรค นายอภิชัย เตชะอุบล เป็นเลขาธิการพรรค
รอยร้าวลึกในพรรคแกนนำรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเมื่อตรวจสอบเสียงในสภาฯ พบว่าขณะนี้ ส.ส.ในสภาที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ขณะนี้มี 475 คน ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงรวม 275 คน ฝ่ายค้าน 200 เสียง ในการประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญ จะใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุมสภา 238 เสียง
ผลสะเทือนจากพรรคพลังประชารัฐ มีติขับ ร.อ.ธรรมนัส พร้อมด้วย ส.ส.รวม 21 คน พ้นพรรค จะทำให้เสียงของรัฐบาลเหลือ 254 เสียง เท่ากับว่าฝ่ายรัฐบาลมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งเพียง 16 เสียงเท่านั้น ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในกรณีโหวตรับกฎหมายสำคัญ หากส.ส.กลุ่มธรรมนัส รวม 21 เสียง ไม่เข้าประชุมสภาฯ หรืองดออกเสียง
โจทย์สำคัญของรัฐบาลคือ ในกรณี"กลุ่มธรรมนัส" พลิกขั้วโหวตหนุนพรรคฝ่ายค้าน ที่มี 200 เสียง เท่ากับเพิ่มเป็น 221 เสียง ให้ฝ่ายค้าน หากกรณีนี้การเสนอกฎหมายสำคัญของรัฐบาลยุ่งแน่ เพราะเสียงรัฐบาลและฝ่ายค้าน ห่างกันเพียง 33 เสียงเท่านั้น
ที่น่าห่วงอีกคือ ในจำนวน 254 เสียง ของฝ่ายรัฐบาล เมื่อหักเสียงประธานและรองประธานสภาฯ 3 เสียงแล้ว เสียงส.ส.รัฐบาลเกินครึ่งแค่ 13 เสียง ยิ่งสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีส.ส.ทั้งซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน ถูกกักตัวหลายคน อาจทำให้องค์ประชุมมีปัญหา เกิดสภาล่ม ซ้ำซากได้
ฟังจากน้ำเสียง นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงเรื่ององค์ประชุมสภาฯ โดยเฉพาะช่วงนี้มีส.ส.ซีกรัฐบาลติดเชื้อโควิด-19 หลายคน
ขณะที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล แม้บอกว่ามั่นใจในเสียง ส.ส.ซีกรัฐบาล 475 เสียง แต่ยมรับว่าทำให้รัฐบาล “เสียงปริ่มน้ำ”ซึ่งเป็นเรื่องที่วิปของแต่ละพรรคต้องปรึกษาหารือ และหามาตรการในการดำเนินการประชุมให้มีประสิทธิภาพ
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การดำเนินการพิจารณากฎหมายสำคัญหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 สามารถดำเนินการได้ปกติ เพราะเป็นการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อวานนี้ (19 มกราคม) จะเห็นได้ว่าเมื่อมีกฎหมายสำคัญก็สามารถผ่านความเห็นชอบของสภาได้ ดังนั้น ตนจึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เพื่อให้การประชุมสภาเป็นไปได้ตามปกติต่อไป
“สถานการณ์ทางการเมืองที่เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำก็ดี หรือบางครั้งประธานรัฐสภาก็เป็นอีกฝ่ายหนึ่งกับฝ่ายรัฐบาลก็เคยมีมาแล้ว ดังนั้น อยู่ที่การประสานงานในการทำงานร่วมกัน หลังจากนี้คงจะมีการหารือของผู้บริหารพรรคแต่ละพรรคที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งวิปรัฐบาลจะต้องทำหน้าที่ในการดูแลมาตรการเพื่อรักษาองค์ประชุมต่อไป” นายชินวรณ์ ระบุ
ประชุมสภาฯนับจากนี้ จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือวิปรัฐบาลและฝ่ายค้าน ใครจะเก๋าเกมส์กว่ากัน !!