ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทยเเละอดีตที่ปรึกษารมช.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กใจความว่า “การให้ที่ยิ่งใหญ่คือการให้โอกาส”
สถานการณ์ของราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้นราคาสินค้าแทบจะทุกชนิดในขณะที่ราคาสินค้าภาคการเกษตรกลับตกต่ำลงเกือบทุกตัว ก่อให้เกิดผลกระทบและความยากไร้เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งประชาชนผู้บริโภคสินค้าและเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าแทบจะทุกครัวเรือน
มีรายงานจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเม็ดเงินที่จะใช้จ่ายช่วงตรุษจีนปีนี้จะไม่เติบโตเพราะประชาชนส่วนใหญ่ระมัดระวังการใช้จ่ายและยังชี้ว่า ราคาเนื้อสัตว์จะปรับตัวขึ้น 15 ถึง 30% ส่วนกลุ่มผักผลไม้จะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 5ถึง 10%จากราคาสินค้าที่สูงอยู่แล้วต้องสูงขึ้นไปอีกในช่วงเทศกาลตรุษจีน
เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้พบกับผู้บริโภคและพี่น้องเกษตรกรในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้สะท้อนถึงความทุกข์ยากจากสินค้าที่จำเป็นต่อการบริโภคขึ้นราคาสูง มากในช่วงต้นปีใหม่ 2565 ปุ๋ยเคมีสูตร 11-0-0น้ำหนักกระสอบละ 50 กิโลกรัมมีราคาขายเมื่อกลางปี 2564กระสอบละ 300 กว่าบาทปลายปี 2564กระสอบละเกือบ 500 บาท
และต้นปี 2565 ขึ้นราคาเป็นกระสอบละกว่า 700 บาทจนถึงปัจจุบันไม่มีหน่วยงานของรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจเกี่ยวข้อง จะได้เข้าไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรแต่ประการใด
ที่สำคัญ ! ผมได้ติดตามปัญหาสำคัญที่เกี่ยวกับราคาน้ำมันปาล์มที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากและเป็นสินค้าจำเป็นที่ประชาชนต้องใช้บริโภค มีผลกระทบต่อปากท้องของพี่น้องประชาชนโดยตรงในขณะนี้
แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้ราคา น้ำมันปาล์มขวดซึ่งเป็นสินค้าควบคุมมีราคาสูงถึงขวดละเกือบ70บาท ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้บริโภค พ่อค้าแม่ขายอาหาร ภัตตาคาร โรงแรมและผู้ประกอบการอื่น
โดยอธิบดีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ได้แจกแจงถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มขวดขึ้นราคาสูงมากเกินกว่าราคาควบคุมเพราะผลผลิตปาล์ม จากประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มเช่น ไทย มาเลเซียอินโดนีเซียและประเทศต่างๆมีผลผลิตน้อยลง ประกอบกับสถานการณ์ โควิด-19 ทำให้กระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มขวดลดลง
และในขณะเดียวกันความต้องการของผู้บริโภค และการนำน้ำมันปาล์มส่วนหนึ่งไปผสมเป็นน้ำมันไบโอดีเซลมากขึ้นจึงทำให้ราคาน้ำมันปาล์มขวดพุ่งสูงขึ้นมาก
เรามีรัฐบาลและมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีมาเกือบแปดปีแล้ว ได้ยินแต่ข่าวประชาชนคนไทยยากจนลงทุกหมู่เหล่า จนรัฐบาลต้องการกู้เงินมาแจกให้กับประชาชน เพื่อเป็นการประทังชีวิตชั่วครั้งชั่วคราวแต่ไม่เคยได้ยินข่าวรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเรื่องเกี่ยวกับปากท้องโดยเฉพาะสินค้าราคาแพง ปุ๋ยราคาแพง น้ำมันปาล์มราคาแพงที่ประชาชนคนไทยผู้บริโภคต้องเผชิญอยู่ทุกวี่ทุกวันในขณะที่ประเทศมาเลเซียซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากไทยไปกลั่นใส่ขวดขายในราคาถูกกว่าราคาขายในประเทศไทย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวร้ายๆเกี่ยวกับการการทุจริตคอรัปชั่นในโครงการต่างๆ ของรัฐบาลอีกมากมายจนไม่มีความหวัง ว่าจะไดัรับโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดี ไปกว่านี้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีต้องรีบแก้ไขราคาสินค้าที่สูง โดยเฉพาะราคาน้ำมันปาล์มขวดที่พี่น้องประชาชนคนไทยต้องใช้บริโภค อย่างเร่งด่วน ถ้าไม่สามารถทำได้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก็ควรที่จะลาออกหรือยุบสภา เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนให้ดีขึ้นกว่าเดิม"