วันที่ 1 ก.พ.2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ดังนี้
พบทูตเกาหลี
หมดศึกเลือกตั้ง เดินหน้าช่วยประเทศต่อ
เที่ยงวานนี้มีนัดทานกลางวันกับท่านทูต 'เกาหลีใต้'
ตอนโทรมานัด ทางสถานทูตถามผมว่าอยากทานอาหารประเภทไหน ผมตอบอย่างไม่ลังเลว่า ‘เกาหลี!’
พอเจอกัน ผมสั่งได้โดยไม่ต้องดูเมนู ฝังหัวมาจากการดูซีรีส์ต่างๆมาประมาณ 30 เรื่อง ท่านทูตหัวเราะชอบใจ ผมบอกว่า ท่านเพิ่งมาประจำประเทศไทยได้เพียงเดือนเดียว ดังนั้นท่านอาจจะไม่รู้ว่าอาหารประจำชาติของเราตอนนี้มีหมูกระทะติดเป็นอันดับต้นๆ
เราเริ่มบทสนทนาเชิงนโยบายกัน ท่านบอกว่าท่านได้ยินชื่อผม เพราะท่านทูตอเมริกันเล่าให้ท่านฟังว่าผมไปบรรยายเรื่องการหารายได้เข้าประเทศของเกาหลีด้วย "เศรษฐกิจสร้างสรรค์" ในงาน US-Asean
วันนี้เลยได้ถกกับตัวแทนประเทศเชิงลีกกันหลายเรื่อง ท่านอยากทราบว่า ท่านควรต้องคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีอย่างไรเพื่อให้เขามาลงทุนในไทย เพราะตอนนี้หลายบริษัทหาแนวทางกระจายความเสี่ยงออกจากจีน
ประเด็นนี้ผมได้แนะนำให้ท่านไปเยี่ยมชมและศึกษาโครงการ EEC และเราได้พูดคุยกันถึงปัญหาระบบการศึกษาไทยที่มีแรงงานทักษะสูงน้อยไม่ทันต่อการลงทุน รวมไปถึงปัญหาระบบราชการไทยที่คลุมเครือในหลายเรื่องที่นักลงทุนต่างชาติต้องการความชัดเจน
และผมถามท่านเรื่องวิวัฒนาการการเกณฑ์ทหารของเกาหลีใต้ ประเด็นนี้น่าสนใจมาก
ท่านเล่าว่า รัฐบาลเกาหลีปรับเบี้ยเลี้ยงให้ทหารเกณฑ์เพิ่มขึ้น 100 เท่าจากเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน และลดเวลาเกณฑ์ลงจาก 3 ปีเป็น 2 ปี
และผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีที่แข่งขันกันอยู่ ณ ปัจจุบันมีข้อเสนอเพิ่มเบี้ยขึ้นอีกประมาณ 5 เท่า (เพื่อจ่ายเป็นเงินก้อนเมื่อครบ 2 ปี ให้ใช้เป็นทุนประเดิมในการเริ่มต้นชีวิตการงาน)
ส่วนระหว่างการเป็นทหารเกณฑ์ก็มีการฝึกวิชาชีพมากมายรวมไปถึงการทำ coding และทักษะยุคดิจิทัลอื่นๆ
ผมถามถึงข้อยกเว้นการเกณฑ์ซึ่งท่านทูตตอบว่าประเด็นนี้น่าสนใจมาก เพราะมีข้อยกเว้นในกรณีที่เป็นบุตรคนเดียวที่มีภาระดูแลพ่อแม่ ประเด็นปัญหาคือตอนนี้เกาหลีมีอัตราเด็กแรกเกิดที่ตํ่าที่สุดในโลก และแทบไม่มีใครมีลูกเกิน 1 คน ดังนั้นในอนาคตอันใกล้ แทบทุกคนจะได้รับ การยกเว้น และกองทัพเกาหลีจะขาดทหารเกณฑ์
ดังนั้น การที่มีการปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยง น่าจะเป็นก้าวหนึ่งในการเตรียมสร้างแรงจูงใจให้กับการอาสาเป็นทหารในอนาคต
แนวคิดนี้ตรงกับของผมที่ผมเคยเสนอเป็นนโยบายตั้งแต่ตอนอยู่ประชาธิปัตย์ นั่นคือการเพิ่มเบี้ยตอบแทนพลทหาร เพิ่มมิติการฝึกทักษะ และเปิดโอกาสให้มีเส้นทางการเติบโตในกองทัพ ทั้งหมดนี้จะทำให้มีทหารอาสาโดยสมัครใจเพิ่มขึ้น และลดความจำเป็นในการเกณฑ์ทหาร โดยเฉพาะในกรณีเยาวชนคนไทยที่มีภาระดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน
เรื่อง “แรงงานทักษะสูง” กับ “เกณฑ์ทหาร” เหมือนจะเป็นคนละเรื่อง แต่มุมมองทางนโยบายสามารถปรับพัฒนาให้เป็นเรื่องเดียวกันได้ครับ ผลต่อประชาชนจะทวีคูณ ฝึกวินัย ฝึกความแข็งแรง หากได้ฝึกอาชีพแบบทักษะสูงขึ้นเพื่อรองรับอาชีพใหม่ๆ จะยิ่งมีแรงจูงใจอีกมาก
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของเกาหลี พลาดไม่ได้เช่นกัน แต่ขออุบไว้เล่าคราวหน้านะครับ
#การเมืองคุณภาพ #การเมืองสร้างสรรค์
#พรรคกล้า #เรามาเพื่อลงมือทำ