วันนี้(5 ก.พ.65) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงปัญหาการประชุมสภาล่มซ้ำซาก ว่า เป็นช่วงเวลาที่ระบบสภาไม่ทำเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น สถานการณ์อย่างนี้เป็นสถานการณ์ที่ตนเป็นห่วง ผลเสียตกอยู่ที่ประชาชน เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในระบบรัฐสภาได้เต็มที่
แม้กระทั่งการพิจารณากฎหมายที่สำคัญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่ต้องดำเนินการก็ไม่สามารถผลักดันได้ ต้องทิ้งค้าง เป็นปัญหาที่รุมเร้า บีบคั้น การแก้ปัญหารัฐสภาในเรื่องของการแก้กฎหมาย เป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สถานการณ์อย่างนี้ไม่ควรจะปล่อยให้ล้มลุกคลุกคลานเป็นอย่างนี้ต่อไป คงไม่พูดว่าเป็นความผิดของใคร แต่ระบบของรัฐสภากำลังมีปัญหา โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎร
“ถ้าหากไม่ไหวจริงๆ ก็ควรจะคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะว่าการที่เราดึงและสภาจะต้องเป็นอย่างนี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ คิดว่าพี่น้องประชาชนเสียโอกาส สภาที่มีอยู่ไม่สามารถดำเนินการขับเคลื่อนได้ ก็จะทำให้ประชาชนไม่ได้รับโอกาสที่ดี นี่คือสิ่งที่ผู้มีอำนาจต้องพิจารณาถึงพี่น้องประชาชน ซึ่งจะต้องใช้ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจ มากกว่าที่จะใช้พวกเขาหรือพวกเราเป็นศูนย์กลาง”
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลคงคิดอยู่ว่าจะยุบหรือไม่ยุบสภาดี ผมคิดว่าตรงนั้นคือจุดที่ท่านต้องคิด ถ้าคิดถึงผลประโยชน์พี่น้องประชาชนควรทำอย่างไร ตนคงไม่สามารถไปชี้นำได้ว่าควรเป็นอย่างไร แต่หากเป็นอย่างนี้ไปอีก 5-6 เดือน ก็เท่ากับประเทศอยู่บนความบอบช้ำที่จะต้องแก้ปัญหา เท่ากับเราสะสมปัญหาเพิ่มขึ้น ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจในส่วนของตัวตน ขอให้มองที่ประโยชน์ของประเทศและประชาชน
นายสนธิรัตน์ กล่าวย้ำว่า ผู้มีอำนาจจะต้องประเมินว่าขณะนี้สถานการณ์เดินมาถึงจุดนั้นแล้วหรือยัง ตนคงไปตอบแทนตรงนั้นไม่ได้คงตอบได้เป็นหลักการว่า ขอให้มองระบบที่จะทำงานและคิดว่าเราเสียโอกาสอะไร ถ้าไหว หรือไม่ไหว อย่างไรต้องตัดสินใจ