วันที่ 15 ก.พ. 2565 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ จะเลื่อนประชุมใหญ่เร็วขึ้น เพื่อรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2565 ว่า ยังไม่ทราบ ต้องรอกำหนดการก่อน แต่ส่วนตัวคิดว่า ควรจะจัดประชุมให้เร็วที่สุด เพราะชัดเจนแล้ว ว่า มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค จึงต้องจัดประชุมใหญ่ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ พร้อมยืนยันว่า การเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จะไม่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคเหมือนที่ผ่านมา เพราะภายในพรรคตอนนี้ ก็รักและสามัคคีกันอยู่แล้ว สามารถพูดคุยกันได้ทั้งหมด ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนกรณีที่นายเอกราช ช่างเหลา และลูกชายทิ้ง ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ว่า ยังไม่ทราบความชัดเจน แต่การที่ไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เนื่องจากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน เป็นพี่เป็นน้องกับพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว ช่วยกันทำงานได้ดีมาตลอด ส่วนการย้ายไปครั้งนี้ เพราะนายเอกราชแตกกับร้อยเอกธรรมนัสหรือไม่ ก็ต้องไปเขาเอง ตนไม่ทราบ
ขณะที่ปัญหาความชอบด้วยกฎหมายของมติ ขับ 21 ส.ส. จนทำให้ 18 ส.ส. ที่ย้ายไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย เสี่ยงหลุด ส.ส นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เท่าที่ทราบเรื่องนี้ไม่มีปัญหา เห็น กกต.รับทราบมติดังกล่าวแล้ว จึงไม่น่ามีผลทางกฎหมายในทางลบ
นายชัยวุฒิ ยังไม่กังวลเรื่องของการทำงานร่วมกันกับพรรคเศรษฐกิจไทย เพราะที่ผ่าน เขาก็มาประชุมตลอด ร่วมเป็นองค์ประชุมและก็ลงมติให้ตลอดไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่ก่อนหน้านี้ เคยโหวตสวนมติวิปรัฐบาลนั้น ตนมองว่าไม่ได้เป็นการแหกมติ แต่เป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่แต่ละคน แต่ละกลุ่ม จะมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ และเรื่องที่ผ่านมาก็ไม่ใช่มติที่ต้องกังวล
ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์นี้ พรรคพลังประชารัฐ จะต้องกำชับ ส.ส ในเรื่องใดหรือไม่ และมั่นใจหรือไม่ว่ากลุ่ม ส.ส.ที่ออกไปจะยังเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล นายชัยวุฒิ กล่าวว่า มั่นใจอยู่แล้ว เพราะเท่าที่คุยกันยังสนับสนุนรัฐบาลทุกคน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า คณะรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะตอบคำถามและชี้แจงสภาในทุกเรื่องอยู่แล้ว และมองว่าเป็นประโยชน์ที่รัฐบาลจะได้ใช้เวทีนี้ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้เห็นในสิ่งที่รัฐบาลทำมารวมถึงปัญหาที่รัฐบาลได้แก้ไข ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์มากกว่าที่ได้ชี้แจง
นายชัยวุฒิ ยังกล่าวถึงเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่อาจจะถูกหยิบยกไปอภิปรายในสภาฯ ว่า ไม่ใช่ปัญหา เท่าที่ตนทราบกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงมหาดไทย กำลังหารือกันอยู่ ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจกันในเรื่องของข้อกฎหมายมากกว่า เพราะข้อเท็จจริง ไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นเรื่องของส่วนต่อขยายสัมปทานเดิมของ BTS ที่ให้บริการเดินรถอยู่แล้ว ซึ่งการต่อขยายนั้นรัฐบาลในอดีต เห็นว่าต้องให้เจ้าเดิม เดินรถต่อไป เพราะหาก บริษัทอื่นมาเดินรถ ประชาชนก็จะลำบาก ยกตัวอย่างเช่น มาถึงสถานีหมอชิต ก็ต้องมาขึ้นรถอีกคันนึงทำให้เสียเวลาและเพิ่มภาระให้ประชาชน จึงตัดสินใจให้บริษัทเดิม ขยายเส้นทางเดินรถออกไปเพื่อความสะดวกสบายของประชาชน นี่คือที่มาของการต่อขยายการเดินรถ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง
สุดท้าย นายชัยวุฒิ ยังยืนยันด้วยว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะทำงานด้วยกันได้ ไม่มีเรือล่มอับปางแน่นอน