มีความชัดเจนเรื่องการ “ยุบสภา-ไม่ยุบสภา” จากทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)
หลัง พล.อ.ประวิตร บอกกับพรรคเล็กในระหว่างการหารือที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา
“พล.อ.ประวิตร บอกให้พรรคเล็กอยู่ช่วยรัฐบาลทำงานไปถึงช่วงการประชุมเอเปค หลังการประชุมเอเปคในเดือน พ.ย. แล้วจะยุบสภา และจะมีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงปีใหม่ หรือเลยปีใหม่ไปเล็กน้อย เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน” แหล่งข่าวอ้างคำพูด พล.อ.ประวิตร
“บิ๊กป้อม”รับพูดยุบสภา
ต่อมา วันที่ 15 มี.ค. 2565 เวลา 09.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการพูดคุยกับพรรคเล็ก เรื่องการยุบสภาหลังการประชุมเอเปค ช่วงปลายปี 2565 ว่า "เรื่องการยุบสภา ผมพูดเอง ผมพูดว่า พอจบเอเปคแล้ว รัฐบาลก็ว่างแล้ว ถ้าจะยุบก็ยุบได้ตอนนั้น ส่วนจะยุบหรือไม่ยุบ ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ว่าผมจะต้องไปถามใครมา นี่เป็นความคิดของผมเอง"
ผู้สื่อข่าวถามว่าจังหวะเวลานั้น ถือว่าเหมาะสมที่จะยุบสภาใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า "ใครอยากที่จะให้ยุบ ก็ยุบได้" เมื่อถามย้ำว่าจะต้องดูเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบก่อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องดู
ผู้สื่อข่าวถามว่าการจะประคับประคองพรรครวมรัฐบาลให้ไปได้ถึงเวลานั้นจะยากลำบากหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ยากลำบาก ทุกคนโอเค และให้การสนับสนุนรัฐบาลกันหมด”
ดูแลพรรคเล็กคนเดียว
ส่วนการพูดคุยกับพรรคเล็ก บรรยากาศเป็นอย่างไรบ้างนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่มีอะไร เขาก็แล้วแต่ผม และในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ทุกพรรคก็จะไปร่วมกันหมด เพราะเชิญทุกพรรคไปร่วมงาน ส่วนพรรคเศรษฐกิจไทย ยังไม่ได้เป็นพรรค ยังไม่มีหัวหน้าพรรค แต่งานเลี้ยงเขาเชิญหัวหน้าพรรค แต่เมื่อเขาตั้งพรรคเสร็จแล้ว ต่อไปก็จะเชิญ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากนี้ไปจะเข้ามาดูแลกลุ่มพรรคเล็กด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ดูแลมาตลอด ดูแลมาตั้งแต่เริ่มต้น ย้ำว่าดูแลมาตลอด" เมื่อถามว่าแต่ตอนนี้ไม่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย ช่วยแล้ว พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ร.อ.ธรรมนัส ไม่เกี่ยว เพราะผมดูแลคนเดียว”
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าเสียงของพรรคเล็กไม่มีแตกแถว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามย้ำว่าไม่กลัวว่า ร.อ.ธรรมนัส จะดูดส.ส.กลับไปหรือพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่มีๆ เลิกพูดเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส"
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการจ้องล้ม พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่จริง ไม่มี ไม่มีหรอก เมื่อถามย้ำว่าเห็นนายกฯ กอดกับ พล.อ.ประวิตร ในงานเลี้ยงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ดีกันแล้วหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็กอดกันอย่างนี้ทุกที
ยุบสภาสถานการณ์กำหนด
ขณะที่เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 25 มี.ค.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ระบุภายหลังเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคเดือน พ.ย. จะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ว่า “เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตร ท่านเป็นคนพูด และท่านได้ชี้แจงให้ผมทราบแล้ว โดยพล.อ.ประวิตร พูดในมุมของท่าน แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของนายกฯ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรพูดกับผมเมื่อสักครู่นี้”
ส่วนจะยุบสภาเมื่อไหร่ นายกฯ ตอบว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะตัดสินใจ นายกฯ ก็ต้องเก็บไว้ก่อน เป็นเรื่องของนายกฯ จะมาบอกก่อนทำไม ทำไมต้องรีบบอก
“สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดทั้งหมด ผมอยากให้ทุกคนคำนึงถึงว่า วันนี้อะไรสำคัญกว่าอะไร ประเทศชาติมีปัญหาสำคัญ ประชาชนเดือดร้อนถือว่า สำคัญกว่าอย่างอื่นหรือไม่ ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาตราบใดที่ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะที่ไม่ปกติ คนไทยทุกคนจะรวมพลังกันในการต่อสู้เพื่อเอาชนะ จนอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ แล้ววันนี้เราจะแตกแยกกันไปถึงไหนกัน ปัญหาอะไรที่สามารถจะลดลงไปได้ ก็ควรจะลดลงเสียบ้าง ขอร้องกันแค่นั้น ซึ่งผมก็ขอได้แค่นี้”
ส่วนการประชุมเอเปค พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าจะประชุมได้หรือไม่ได้ จะประชุมกันอย่างไรก็แล้วแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรัสเซียและยูเครนขณะนี้
ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
สำหรับวันที่ 17 มี.ค. ที่นัดกินข้าวกับพรรคร่วมรัฐบาลจะมีมิติอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า เป็นการพูดคุยและเจอกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งความจริงตนได้พูดคุยกับพวกเขาอยู่แล้ว และเจอกันหลายครั้งในสภา วันนี้ก็ถือว่าเป็นการมาเจอร่วมกัน ในฐานะที่เรามาร่วมแรงร่วมใจในการทำเพื่อประเทศชาติดีกว่า อย่างอื่นค่อยมาว่ากันที่หลัง
“ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรที่เป็นประเด็น ไม่ว่า จะเป็นเรื่องของความไม่รักไม่สามัคคี ไม่ให้เกียรติกัน มันไม่ใช่ ผมให้เกียรติเสมอ ผมเจอท่านถ้าท่านอาวุโสน้อยกว่าผม ท่านก็สวัสดีผม ถ้าอายุมากกว่าผม ผมก็สวัสดีท่าน ผมไม่เคยคิดว่า ผมเป็นนายกฯ เป็นสุดยอดเสียเมื่อไหร่ ให้เกียรติ”
เมื่อถามย้ำว่าไม่มีเรื่องที่พรรคเล็กเกิดความน้อยใจในตัวนายกฯใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คนเรานั่นนะ มันก็ควรใจใหญ่ ทำตัวให้หัวใจมันใหญ่ขึ้นมาเสียหน่อย ไม่ใช่หัวใจเล็ก หัวใจที่เราจะต้องรู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน ถ้าเป็นคนที่ควรให้อภัย”
เมื่อถามว่าในการพูดคุยกับพรรคเล็ก พล.อ.ประวิตร ได้ถามกับตัวแทนพรรคเล็กว่ามีแผนที่จะล้มนายกฯ หรือไม่ ตรงนี้วิตกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็ให้มาล้มเถอะ ใครจะล้มก็ล้มไปเถอะ ผมไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ผมคิดว่า ทุกคนมีวุฒิภาวะที่ดีเพียงพอ ผมให้เกียรติท่านทุกคน แล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไรกับใครผมถามหน่อย วันนี้ผมทำงานมาเท่าไหร่อะไรสำเร็จมาบ้าง ไปเทียบดูก็ได้ ไปเทียบมาเลย 8 ปี 10 ปี ที่ผ่านมา ไปเทียบผลงานกับผมมาเลย ประชาชนไปแยกแยะเอาเองก็แล้วกัน”
ยุบสภาเลือกตั้งม.ค.66
ด้านนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้ากลุ่ม 16 กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ปรารภว่า อยากให้ปรับ ครม. จะปรับก็ไม่เป็นไร แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่อยากให้ปรับ เพราะการปรับครม.ทุกครั้ง จะยุ่งยาก มีปัญหาตามมา จึงขอให้พรรคเล็กร่วมมือทำงานในรัฐบาลต่อไป จนถึงการประชุมเอเปค กลางเดือน พ.ย.แล้วจะยุบสภา ซึ่งส.ส.พรรคเล็กพร้อมช่วยประคองรัฐบาล และในวันที่ 17 มี.ค.นี้ จะไปร่วมรับประทานอาหารกับ พล.อ.ประยุทธ์ ตามที่นัดหมายไว้
นายพิเชษฐ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบแนวทางชัดเจนว่า จะยุบสภาหลังประชุมเอเปค และเลือกตั้งเดือน ม.ค.2566 จึงต้องมาวางแนวทางขับเคลื่อนร่วมกันจะไปแนวทางใด อาทิ ถ้าเป็นกติกาบัตรเลือกตั้ง 2ใบ ที่พรรคเล็กเสียเปรียบ จะมารวมพรรคเพื่อความเป็นปึกแผ่น หรือแต่ละพรรคจะแยกไปรวมกับพรรคใด
หรือถ้ามีการแก้กติกาคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยใช้ 100 หรือ 500 หาร พรรคเล็กจะดำเนินการอย่างไร รวมถึงจะหารือถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติในเดือนพ.ค.นี้ พรรคเล็กจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน โดยพิจารณาจากการตอบชี้แจง หากรัฐมนตรีคนใด ไม่สามารถชี้แจงข้อครหาได้ ก็จะไม่ยกมือให้ แต่ใครชี้แจงได้ ก็พร้อมจะยกมือให้
ยุบสภาเรื่องของนายกฯ
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า คนที่จะตัดสินใจยุบสภาได้ คือ นายกฯ จึงต้องไปถามนายกฯ เอง และเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่เคยพูดในที่ประชุม ครม.แต่อย่างใด
นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ขอสนใจเรื่องสร้างเสถียรภาพให้บ้านเมืองมากกว่า ไม่ใช่แค่เสถียรภาพรัฐบาล เพราะขณะนี้มีสงคราม ต้องสร้างกำลังซื้อในประเทศ จะได้ไม่ต้องพึ่งพาต่างประเทศมากนัก และต้องให้คนไทยพึ่งพาตนเองได้