วันนี้( 25 มี.ค.6) สำนักงานศาลปกครองภูเก็ตชี้แจงกรณีกระแสข่าวอธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ซึ่งออกทับพื้นที่เกาะนุ้ยนอก ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เกือบทั้งเกาะ โดยระบุว่า
กรณีที่มีประชาชนจำนวน 20 คน ซึ่งประกอบอาชีพประมง โดยมีภูมิลำเนาในต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ มาฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ซึ่งออกทับพื้นที่เกาะนุ้ยนอกเกือบทั้งเกาะ ผู้ฟ้องคดีได้แก้ไขคำฟ้องตามคำสั่งศาลและได้ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง ฉบับลงวันที่ 24 ม.ค.65 ซึ่งสำนักงานศาลปกครองภูเก็ตได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีให้ทราบไปครั้งหนึ่งแล้ว
บัดนี้ศาลปกครองภูเก็ตได้ตรวจพิจารณาคำฟ้องและมีการไต่สวนผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ และผู้แทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ สาขาคลองท่อม ส่วนแยกเกาะลันตา เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณา ศาลจึงได้มีคำสั่งให้รับคำฟ้องไว้พิจารณา และเพื่อให้โอกาสเจ้าของที่ดินตามโฉนดที่ดินดังกล่าว ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิในทรัพย์สินตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ จึงมีหมายเรียกเจ้าของที่ดินให้เข้ามาเป็นคู่กรณีในคดี
ขณะเดียวกันมีบุคคลที่อ้างว่า เป็นบริวารของเจ้าของที่ดินได้ขึ้นไปบนเกาะนุ้ยนอก และตัดต้นไม้บริเวณกลางเกาะ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้โดยวิธีการปกติต้องใช้ยานไร้คนขับบินสำรวจ
ประกอบกับมีข้อเท็จจริงจากการไต่สวนของศาลว่า คณะกรรมการที่กรมที่ดินแต่งตั้งมีความเห็นเบื้องต้นว่า การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย เห็นสมควรแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป
ศาลจึงจำเป็นต้องคุ้มครองประโยชน์สาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันบนพื้นที่เกาะนุ้ยนอก โดยคำนึงถึงสิทธิในที่ดินของเจ้าของโฉนดที่ดินที่ยังไม่มีการเพิกถอนโฉนดที่ดิน ศาลจึงมีคำสั่งลงวันที่ 9มี.ค.64 ห้ามมิให้เจ้าของที่ดิน ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และบริวาร ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า เผาต้นไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพไปจากเดิม เก็บหา นำออกไปกระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย
หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภทหรือกระทำการอันใด อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมและทิ้งสิ่งซึ่งเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้บนเกาะนุ้ยนอกไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
นอกจากนี้ สำนักงานศาลปกครองภูเก็ตได้ประสานงานกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ นำป้ายที่มีข้อความตามคำสั่งศาลไปปักไว้ในบริเวณที่เห็นได้ชัดเจนบริเวณเกาะนุ้ยนอก ตั้งแต่วันที่ 23มี.ค. 65 และจะได้ติดตามผลการปฏิบัติตามคำสั่งศาลดังกล่าวต่อเนื่องไปจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ส่วนที่มีข่าวในสื่อสารสังคมว่า อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 12360 แล้วนั้น สำนักงานศาลปกครองภูเก็ตขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวในสื่อสารสังคม แต่ยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นหลักฐานทางราชการที่เป็นที่ยุติว่า อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว และได้มีการดำเนินการทางธุรการอันมีผลให้การเพิกถอนโฉนดที่ดินเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ในชั้นนี้จึงยังต้องถือว่า โฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ยังคงมีผลตามกฎหมายอยู่ ดังนั้น คำสั่งศาลที่ให้คุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวข้างต้น จึงมีผลตามกฎหมายต่อไป