น.ต.ศิธา ทิวารี ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พรรคไทยสร้างไทย ขึ้นเวทีเปิดใจหลังได้รับความไว้วางใจจาก พรรคไทยสร้างไทย ให้ทำหน้าที่ตัวแทนพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นผู้ว่าฯ กทม. ว่า เมื่อ 22 ปีที่แล้วได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งแรกที่เขตคลองเตย และครั้งนั้นถูกมองว่าเป็น “ม้านอกสายตา” เพราะคู่แข่งคือ “คุณอาณัฐชัย รัตตกุล” อดีต ส.ส. 3 สมัย จากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นทั้งลูกชายของ “ท่านพิชัย รัตตกุล” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นทั้งน้องชายของ ดร.พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม.
แม้รู้ว่าเป็นรอง แต่ผมเป็นคนไม่ยอมแพ้ ไม่ท้อถอย ชัดเจน จริงจัง เข้มแข็ง และสู้ในสนามเลือกตั้งถึงวินาทีสุดท้าย จนได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นตัวแทนของพี่น้องชาวคลองเตย มีโอกาสทำงานในพื้นที่ เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวคลองเตย ลงไปอยู่กับพี่น้องประชาชน กินนอนกับพี่น้องประชาชน นำมาสู่การได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นผู้แทนราษฎร ถึง 2 สมัยติดต่อกัน
จากนั้นจึงได้ร่วมทุกข์ กับพี่น้องคนกรุงเทพฯมากว่า 22 ปี นับแต่การเป็นส.ส. ที่เขตคลองเตย
ต่อมาเมื่อพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหลังพรรคที่สังกัดในเวลานั้นถูกยุบ ก็ได้รับการชักชวนจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็นนักการเมืองที่เคารพรัก และเป็นต้นแบบในการทำงานให้มาร่วมสร้างพรรค "สร้างประเทศไทยที่ดีที่สุดให้กับลูกหลานทุกคน” พาประเทศไทยออกจากวิกฤติ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ที่ถาโถมเข้ามา
และในวันนี้ เป็นอีกก้าวย่างสำคัญของชีวิต ที่ได้รับความไว้วางใจจากพรรคไทยสร้างไทย ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. จึงขอใช้ศักยภาพทั้งหมดที่มี สร้างกรุงเทพที่ดีที่สุดให้กับทุกคน ทำให้สุดความสามารถ เพื่อจะได้ตอบกับลูกหลาน อย่างภาคภูมิใจว่า “พ่อได้ทำดีที่สุด พ่อจะเป็น นั่งร้าน” ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ร่วมสร้างอนาคตประเทศไทย สร้างอนาคตของกรุงเทพ เพื่อทุกคน ซึ่งมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ “สู้ได้ และจะสู้ให้สมศักดิ์ศรี” เป็นทางเลือกใหม่ที่ดีที่สุดให้แก่ คน กทม. ทุกคน
น.ต.ศิธา ระบุด้วยว่า เมื่อมองดู “กรุงเทพมหานคร” แล้วเปรียบเสมือน “ประเทศไทยย่อส่วน” ที่การจัดวางสำนัก กรม กอง ไม่ต่างกับ กระทรวง ทบวง กรม ของรัฐบาลกลาง ซึ่งส่วนตัว เคยรับข้าราชการ และเป็นข้าราชการการเมืองมาก่อน
มีโอกาสรับผิดชอบดูแลในหลายด้าน โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพมหานคร ทำให้รู้ว่า นอกจากจะต้องใช้กลไกของ กทม. ทั้ง 50 เขตแล้ว จะต้องอาศัยความร่วมมือกับจังหวัดรอบข้างด้วย ไม่เช่นนั้น จะไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ อย่างยั่งยืนได้
น.ต.ศิธา กล่าวด้วยว่า ความเป็นผู้นำของผู้ว่าฯ กทม. มีความสำคัญ เพราะต้องไปประสานความร่วมมือกับจังหวัดรอบข้าง และรัฐบาลกลางให้ได้ ดังนั้นความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
"ผมจะมือประสานที่ดี บริหารให้เป็น เข้าใจโลกและรู้คุณค่าของประชาชน เพื่อสร้างกรุงเทพที่ดีที่สุด กรุงเทพฯจะต้องเป็นมหานครของโลก โดยการติดปีกให้คนกรุงเทพฯ และผมจะร่วมกับพี่น้องประชาชนทุกคน สร้างลูกหลานของเรา ให้เป็น Global Citizen ผมจะขอทำในสิ่งที่ผู้ว่า กรุงเทพฯคนอื่นไม่เคยทำ" น.ต.ศิธา กล่าว
สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม หรือ 3 P “People Profit Planet” เพื่อยกระดับกรุงเทพ ให้เป็น “มหานครของโลก ที่คนทั่วโลกยอมรับ” ไม่ว่าจะเป็น
"People"
การสร้างเมืองแห่งโอกาสให้ชาวกรุงเทพ โดยตนจะเป็นผู้ว่าฯคนแรก ที่ให้อำนาจ ชาวกรุงเทพทุกคน มีส่วนร่วมในการบริหารและตรวจสอบการใช้งบประมาณ กทม. ด้วยสภาชุมชน (Community Council) เพื่อกำจัดคอรัปชั่น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ กทม.ด้วยระบบกระจายอำนาจการตรวจสอบ (Decentralized Autonomous Organizatiom:DAO) ด้วยเทคโนโลยี Blockchain
โดยประเมินความสามารถของทุกหน่วยงานของ กทม. จะใช้ Bangkok Coin ให้รางวัลจูงใจในการสร้างการมีส่วนร่วมของคน กทม. เพื่อให้เป็น Active Citizen และที่สำคัญที่สุด ผมจะลงทุนกับการสร้างคนให้มากที่สุด ตั้งแต่ กรุงเทพฯเคยมีผู้ว่าราชการจังหวัดมา
โดยตนจะทำโรงเรียนสังกัด กทม. ให้มี “มาตรฐาน” ทัดเทียมกัน “ความเป็นเลิศทางการศึกษา” ต้องไปพร้อมกันทุกโรงเรียน
เราจะช่วยกันเปลี่ยนโรงเรียนจากเดิม “สอนเด็กให้อยู่ในระบบ ไม่ต่างจากหุ่นยนต์” ให้เด็กสามารถ “คิดเป็น และค้นพบความต้องการของตัวเอง” โดยครู จะเป็น Facilitator ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ป้อนความรู้ ถ้าหากตรเป็นผู้ว่า กทม. โรงเรียนที่ดีที่สุด คือ โรงเรียนที่ใกล้บ้านที่สุด เพราะมาตรฐานของทุกโรงเรียนเท่ากัน ผมไม่อยากให้เด็ก กทม. ต้องโตในรถ ต้องเจอรถติด เพื่อไปเรียนที่โรงเรียนชื่อดัง
"Profit"
สร้างมหานครแห่งความมั่งคั่ง เพื่อ Take off กรุงเทพ โดยตนจะนำร่องกองทุนเครดิตประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคไทยสร้างไทย เพื่อล้างหนี้นอกระบบ ให้ทุกคนตั้งตัวได้ ประชาชน “คนตัวเล็ก” ไม่ต้องกู้หนี้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยแสนโหด จากร้อยละ 20 ต่อเดือน ให้สามารถกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน ร้อยละ 1 ต่อเดือน สร้าง Bangkok Creative City ใช้วัฒนธรรมนำเศรษฐกิจ จัด event สร้างรายได้ให้ทุกเขต ทุกเดือนทั่วกรุงเทพฯ
สร้างเมืองหลวง Street Food ของโลก อาหารสะอาด รสชาติอร่อย สร้างที่ค้าขาย ทุกเขตทั่วกทม. ได้ 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งแก้ปัญหาส่วยหาบเร่แผงลอย ด้วย DAO และกลไกสภาชุมชน สร้างกรุงเทพให้เป็น New Economy Hub บ่มเพาะเด็กกรุงเทพให้เป็น nano entrepreneur ด้วยการสนับสนุนเงินลงทุนและให้ความรู้ ควบคู่ไปกับการสร้าง ecosystem ของกรุงเทพให้เป็นออฟฟิศดึงดูดคนเก่ง และนักลงทุนจากทั่วโลก
"Planet"
สร้างคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพอย่างยั่งยืน บอกลาน้ำรอระบาย ด้วยแพ็คเกจแก้น้ำท่วมก่อนกรุงเทพจมบาดาล ลดมลพิษ ลดฝุ่น PM2.5 โดยห้ามรถที่ปล่อยควันเสียวิ่งในกทม. ควบคุมการก่อสร้าง เร่งปลูกต้นไม้ ผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดย กทม.สนับสนุนการตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าในทุกเขต
สร้างเมืองสุขภาพดี เพิ่มสถานที่ออกกำลังกายตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ แจกสายรัดข้อมืออัจฉริยะ ส่งเสริมคนกทม.ให้ออกกำลังกาย คนกรุงเทพต้องไม่ตายผ่อนส่งจากโรคมะเร็ง ต้องกินอาหารที่ปลอดภัย ปลอดสารพิษ โดยการตรวจอย่างเคร่งครัด เพิ่มพื้นที่สีเขียว จาก 6.97 ตร.ม./คน เป็น 9.0 ตร.ม./คน ตามมาตรฐานนานาชาติ
พร้อมปูพรมบริหารจัดการขยะ ซึ่งตนจะขอทุบทำลายทุกปัญหา ให้พี่น้องคนกรุงเทพ จะไม่แก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก ไม่เกี้ยเซี้ยปล่อยให้มีการแสวงหาประโยชน์ใน กทม. เป็นสมบัติผลัดกันชม เราจะทุบหม้อข้าวผู้ที่หาผลประโยชน์ทางการเมือง ในหน่วยงานต่างๆที่เอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริต
"พรรคไทยสร้างไทย ผม และผู้สมัคร ส.ก. ทุกคนมีความตั้งใจ มีความพร้อมที่จะ สร้างกรุงเทพที่ดีที่สุดร่วมกับ พี่น้องชาว กทม. ผมเป็นคนของประชาชนมาทั้งชีวิต รู้ปัญหาต่างๆของประชาชน เข้าใจและรู้คุณค่าของประชาชน ดังนั้นเราจะมาร่วมกันสร้างกรุงเทพให้เป็นมหานครของโลก ที่ทุกคนยอมรับ ด้วยการติดปีกให้คนกรุงเทพ และสร้างลูกหลานของเรา ให้เป็น Global Citizen โดยผมจะทำในสิ่งที่ผู้ว่า กทม. ไม่เคยทำ" น.ต.ศิธา กล่าว
ขณะเดียวกันได้ประกาศ เปิดกองอำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ของพรรคไทยสร้างไทย โดยมีนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการ ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย เป็นผู้อำนวยการนโยบายพัฒนา กทม. และ นายสุธา ชันแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่ภาค กทม.