นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เปิดตัวในฐานะผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.2565 ในนามพรรคก้าวไกล หากย้อนกลับไป วิโรจน์ จัดเป็นนักการเมืองที่มีลีลาการอภิปรายในสภาดุเด็ดเผ็ดมันมากที่สุดคนหนึ่ง ถูกจับจ้องและยกให้เป็นดาวเด่นหลังการเปิดโปงขบวนการไอโอ ก่อนจะตัดสินใจทิ้งเก้าส.ส.เข้าสู่สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคก้าวไกลในวันนี้
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อายุ 44 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางและเติบโตที่กรุงเทพฯ พ่อแม่ประกอบอาชีพค้าขาย เป็นพี่ชายคนโตในบรรดาพี่น้อง 3 คน
จบการศึกษามัธยมที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ (วิศวกรรมยานยนต์) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างเรียนเขาได้เข้าชมรมโต้วาทีและการบันเทิงทำให้ได้พัฒนาทักษะการพูดและการนำเสนอข้อมูล รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยวิธีที่น่าสนใจ
คว้าปริญญาโทจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาเอก คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ)
สำหรับชีวิตการทำงานนั้น เริ่มจากภาคเอกชนเป็นวิศวกรควบคุมคุณภาพให้กับบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ต่อด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาด้านระบบบริหารคุณภาพและการบริหารจัดการให้บริษัท โนโว ควอลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาองค์กร บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
ต่อมาได้ตัดสินใจลงสู่สนามการเมืองร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ และได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กระทั่งเมื่ออนาคตใหม่ถูกยุบพรรค นายวิโรจน์จึงย้ายเข้ามาสังกัดพรรคก้าวไกล รับตำแหน่งเป็น โฆษกพรรค
สมัยทำหน้าที่เป็น ส.ส. เขาได้สร้างผลงานและถือเป็นดาวสภายุคใหม่ที่อภิปรายด้วยเทคนิค นำเสนอข้อมูลด้วยลีลาการพูดฉะฉาน โดยเฉพาะการอภิปรายโจมตีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO ของกองทัพ
นอกจากนี้เขายังเป็นส.ส.ยุคใหม่ที่เชี่ยวชาญในการใช้โซเชียลมีเดียสื่อสารกับประชาชนในประเด็นสังคม การเมือง และการศึกษา
เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา เขาได้มีการประกาศว่า ตนเป็นว่าที่ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคก้าวไกล เดินนโยบายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะแรก เปิดนโยบายหลักด้านต่าง ๆให้สมาชิกพรรคและประชาชนมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ระยะสอง ตัวเขาในฐานะว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการ กทม. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ร่วมทำงานในพื้นที่เพื่อจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่าง ๆ และดูโครงการเชื่อมต่อระหว่างเขตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ โค้งสุดท้าย คือ การหาเสียงและเน้นย้ำนโยบายที่สำคัญ