5 เม.ย. 65นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าโครงการจัดหารถโดยสารพลังงานสะอาด
โดยการจ้างเอกชนเหมาให้บริการตามระยะทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากกระทรวงคมนาคมรายงาน คาดว่าจะสามารถให้บริการประชาชนได้ภายในเดือนสิงหาคม 2565 นี้
ในระหว่างที่ ขสมก.รอการดำเนินการแผนฟื้นฟู ขสมก.ฉบับใหม่ ตามขั้นตอน ขสมก.จึงมีแผนการดำเนินการระยะสั้น ในการจ้างเหมาเอกชนวิ่งให้บริการรถโดยสารพลังงานสะอาดตามระยะทาง โดยมีเป้าหมายหลักในการทดแทนรถเก่าที่มีสภาพทรุดโทรม
อีกทั้งการวิ่งให้บริการรถโดยสารพลังงานสะอาดผ่านย่านใจกลางเมืองที่สำคัญ เพื่อลดมลภาวะฝุ่น PM2.5 นอกจากนี้ จะวิ่งให้บริการเชื่อมต่อกับการขนส่งรูปแบบอื่น เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนอีกด้วย
การปฏิรูปรถเมล์ครั้งนี้รัฐบาลต้องการให้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ยกระดับมาตรฐานบริการรถโดยสารประจำทาง โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะมีการประเมินผลการประกอบการด้วยดัชนีชี้วัด (KPI) 12 ข้อ
ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งจะทำให้ได้ผู้ประกอบการขนส่งที่มีบริการที่ดีสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชน และสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะมากขึ้น รวมทั้งจะมีผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มีความมั่นคงทางการเงิน สามารถจัดหารถใหม่ อู่จอดที่พักรถ มีระบบการซ่อมบำรุงรักษาที่มีมาตรฐาน และการใช้ระบบ 1 เส้นทาง 1 ผู้ประกอบการ
และกรณีที่เอกชนรายใดได้ใบอนุญาตหลายเส้นทาง หรือเอกชนอาจจะรวมกลุ่มกันเพื่อปรับระบบการเดินรถ โดยใช้ข้อมูลจากระบบ AI วิเคราะห์การบริการให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารได้
นายธนกรกล่าวว่า รถใหม่จะต้องมี GPS มีกล้อง CCTV หรือระบบ E-Ticket เก็บข้อมูลผู้โดยสารว่ามีผู้โดยสารใช้บริการมากน้อยแค่ไหน ช่วงเวลาไหนผู้โดยสารแน่น ช่วงไหนคนน้อย หรือช่วงไหนรถติด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประมวลผลและวิเคราะห์ด้วยระบบ AI ทำให้สามารถปรับปรุงแก้ไขปัญหาการให้บริการได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ แตกต่างจากเดิมที่ใช้ระบบ Manual
“รัฐบาลมีนโยบายสำคัญคือประชาชนต้องได้รับบริการที่สะดวก เส้นทางมีโครงข่ายเชื่อมต่อกัน ราคาค่าโดยสารถูก เช่น มีตั๋วเหมาราคาเดียวต่อวัน ขึ้นรถได้ไม่จำกัดเที่ยว ไม่จำกัดสาย โดยการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ครั้งนี้จะทำให้รถร้อนที่มีอยู่ในระบบทยอยลดลง ซึ่งเป็นรถที่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเลือกใช้บริการมากกว่ารถปรับอากาศ
รัฐบาลต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะได้ทุกประเภท เตรียมเสนอให้ขยายบัตรคนจนมาใช้กับรถร่วมเอกชนได้ ซึ่งจะเป็นการดูแลผู้มีรายได้น้อยที่ตรงจุดมากกว่าการที่รัฐจะอุดหนุนงบประมาณ” นายธนกรกล่าว