5เม.ย. 65นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 8 ให้สัมภาษณ์ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนหลังลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งกรุงเทพฯ ว่า จุดแข็งของตน คือเข้าใจปัญหา เพราะลงพื้นที่มานาน และมีทีมงานที่ครบทุกด้าน
ส่วนจุดอ่อน คือ อยู่ที่ชุมชน เนื่องจากเป็นผู้สมัครอิสระไม่มีฐานเสียง ชุมชนจึงเป็นจุดที่อ่อนแอ หลังจากนี้ก็จะลงพื้นที่ชุมชนให้หนักขึ้นและละเอียดขึ้น ส่วนที่เหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆคิดว่าจะทำให้เต็มที่ ทำดีที่สุดไม่คิดอะไรมาก
ส่วนกรณีที่การเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้สมัครมากที่สุดถึง 31 คน ว่า เราไม่ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.มากกว่า 9 ปี ดังนั้น 31 คน จึงถือว่าสมศักดิ์ศรี และเป็นเรื่องที่ดี ที่ให้ประชาชนมีตัวเลือกที่มากขึ้น
ส่วนกรณีที่มีการนำป้ายหาเสียงของตนไปเปรียบเทียบกับผู้สมัครรายอื่น รวมไปถึงยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่ได้เป็นผู้ทำป้ายขนาดเล็กเป็นคนแรก นายชัชชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยพูดว่าตนทำเป็นคนแรก แต่ทำตามที่คิดว่าเหมาะสมกับการเลือกตั้งในเขตเมือง
จึงขออย่าสนใจว่าใครทำก่อน ทำหลังหรือเอาป้ายหาเสียงของตนไปเปรียบเทียบกับใคร หากมีใครใช้ป้ายขนาดเล็กเหมือนตนมากๆก็เป็นเรื่องดีจะได้ไม่กีดขวางประชาชน และแสดงให้เห็นว่าเขาเห็นด้วยกับเรา ดังนั้น ขออย่านำไปเป็นประเด็นความขัดแย้ง ป้ายไม่สำคัญเท่ากับเนื้อหาหรือนโยบาย
ขณะที่บทบาทของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยถือว่ามีความแตกต่างกับการมาลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้มาก เพราะว่าตอนที่สังกัดพรรคเราก็ต้องดำเนินการตามแนวทางของพรรค แต่การลงสมัครในนามอิสระถือว่าได้พบเจออะไรใหม่ๆมากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ใช้เสียงในการพูดคุยถึงนโยบายให้กับพี่น้องประชาชนมากเกินไปหน่อย หลังจากนี้คงต้องหาคนมาช่วยพูดประชาสัมพันธ์ แต่ยังไหวและสบายมาก พลังเต็มเปี่ยม ก่อนจะโชว์ความแข็งแกร่งให้สื่อมวลชนดู