"เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์" ส.ส.เขตราชบุรี จากพรรคพลังประชารัฐ ถูกศาลฏีกามีคำพิพากษา ให้พ้นตำเเหน่ง ส.ส.ตั้งเเต่วันที่ 25 มี.ค.64 เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี ไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง เเละดำรงตำเเหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต
จากคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลปมครอบครองที่ดิน จ.ราชบุรี โดยมิชอบอันเป็นเหตุให้ขัดต่อจริยธรรมทางการเมืองอย่างรุนแรง ถือเป็นนักการเมือง และ ส.ส.รายแรก ที่ถูกดำเนินคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯอย่างร้ายแรง โดยวันนี้นายทิวา การกะสัง ทนายความเป็นตัวแทนเดินทางมาฟังคำพิพากษา
สำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องก็คือ มีผู้เข้าไปตรวจสอบพบว่าปารีณา ซึ่งตอนนั้นได้เป็น ส.ส. และต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งได้แสดงรายการครอบครองที่ดินพื้นที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 711 ไร่ ที่มีความผิดปกติ
ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด "เอ๋" ระบุว่า ที่ดินนี้ พบว่า ในช่วงปี 2545-2546 นายทวี ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พ่อของเอ๋ ได้เข้ามาประกอบกิจการเลี้ยงไก่ ต่อมาเอ๋ ปารีณา ได้เข้ามาเป็นผู้ซื้อขายไฟฟ้า เพื่อใช้ประกอบกิจการดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่าเธอ ยื่นคำขอใช้ที่ดินปฏิรูป กลับมีพฤติการณ์ถือครอง และกระจายการถือครอง ก่อนดำเนินการถือครองในชื่อปารีณาอีก
พฤติการณ์ของปารีณาคือ ต้องการหลีกเลี่ยงมิให้ที่ดินเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน เพื่อประโยชน์ของธุรกิจตนหรือผลประโยชน์ส่วนตัวแต่ฝ่ายเดียว ไม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
16 มี.ค. 2564 เจ้าหน้าที่สำนักคดี ป.ป.ช. ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกา วินิจฉัยปารีณา ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมฯอย่างร้ายแรงหรือไม่ ภายหลังถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด กรณีถูกดำเนินคดีฟาร์มไก่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนใน จ.ราชบุรี ตามที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ (บก.ปทส.) แจ้งข้อกล่าวหาในคดีอาญาไปก่อนหน้านี้
ท้ายคำร้องของ ป.ป.ช. ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่ง
กรณีนี้ วันที่ 10 ก.พ. 2564 ป.ป.ช.มีมติว่า ปารีณา ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม
ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรง และกรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 11 ข้อ 17 ประกอบ ข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไปจนในที่สุดศาลรับคำร้อง โดยศาลฎีกา นัดฟังคำพิพากษาดังกล่าว