วันที่ 19 เม.ย.65 นายสำราญ ตันพานิช ผอ.กกต.ประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่ นายสราวุธ เบญจกุล ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 28 อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ถูกคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) พิจารณาผิดวินัยร้ายแรง ลงโทษไล่ออกจากราชการ จากกรณีถูกร้องเรียนปัญหาเอกชนดำเนินการปรับปรุงอาคาร ก่อนที่สำนักงานศาลยุติธรรมประกวดราคา ซึ่งอาจทำให้มีปัญหามีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปที่สำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม เพื่อประกอบข้อวินิจฉัยทางกฎหมาย
เพราะการถูกวินิจฉัยว่าผิดวินัยร้ายแรงมีหลายเหตุ ขณะนี้ยังไม่ถือว่านายสราวุธ มีลักษณะต้องห้าม จะต้องรอผลหนังสือยืนยันการวินิจฉัยของ ก.ต. ก่อนว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตต่อหน้าที่ หรือประพฤติมิชอบในทางราชการหรือไม่
ถ้าเกี่ยวข้องก็เข้าข่ายขัดมาตรา 50(8) พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ที่ระบุว่า บุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (8)เคยถูกสั่งให้พ้นถูกราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริต หรือประพฤติมิชอบในวงราชการ ถ้าไม่มีความผิดก็จะยังคงเป็นผู้สมัครต่อไป
"ถ้ามติก.ต.เป็นเหตุให้นายสราวุธ มีลักษณะต้องห้าม ก็จะถือว่าเป็นความปรากฏ ซึ่งผู้อำนวยการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานคร หรือปลัดกทม. ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่รับสมัคร ก็จะต้องมาร้องคัดค้านต่อคณะกรรมการวินิจฉัยสิทธิสมัครของสำนักงานกกต.กทม.ซึ่งเมื่อคณะกรรมการฯได้รับคำร้องแล้วก็จะต้องนัดฝ่ายผู้คัดค้านและผู้ถูกคัดค้านมาขี้แจงภายใน 3 วันนับแต่ได้รับคำคัดค้าน และสรุปทำความเห็นเสนอกกต.กลางวินิจฉัย”
นายสำราญ ยังกล่าวด้วยว่า กรณี นายไกรเดช บุนนาค ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 19 และ นายพีรพล กนกวลัย ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตพญาไท นายอดิเทพ จาวลาห์ ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตดุสิต ที่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับสมัครของผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานครนั้น เมื่อวานตนได้สรุปข้อมูลและความเห็นเสนอต่อกกต.กลางให้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว เชื่อว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาก่อนการเลือกตั้งแน่นอน