สร้างอนาคตไทย ชู"สมคิด"แคนดิเดตนายกฯ รอจังหวะเปิดตัว

20 เม.ย. 2565 | 03:45 น.
อัปเดตล่าสุด :20 เม.ย. 2565 | 11:10 น.

"วิเชียร" เผย สร้างอนาคตไทย ชู "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ " แคนดิเดตอันดับหนึ่งชิงนายกฯ รอจังหวะเปิดตัวเมื่อฐานแข็งแรง เล็งปั้นพรรคใหม่เป็นสถาบันการเมือง แย้มมีส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ อยากตามอยู่ด้วย

วันที่ 20 เมษายน ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พรรคสร้างอนาคตไทย (สอคท.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565  นายวิเชียร ชวลิต อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สัมภาษณ์ถึงบทบาท และหน้าที่ในพรรค สอคท. ว่า จากที่ตนทำงานกับพรรคการเมืองมา สิ่งสำคัญของพรรคอย่างหนึ่งคือเรื่องการบริหาร เพราะการบริหารพรรคการเมืองจะต่างจากองค์กรอื่น เนื่องจากมีเรื่องของอำนาจ และการช่วงชิงผลประโยชน์ต่างๆ

 

ฉะนั้นการบริหารงานที่เปิดกว้าง จะทำให้ทุกคนที่มีศักยภาพ ได้ทำงานและขับเคลื่อนพรรค ให้เดินไปข้างหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ และตนจะเข้ามาดูด้านนี้เป็นหลัก ไม่เช่นนั้นจะต่างคนต่างไป ทำให้พรรคไม่แข็งแรง หากพรรคการเมืองไม่เปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วม หรือไม่เปิดโอกาสให้สมาชิกได้แสดงออกถึงความต้องการของเขาที่ได้มาร่วมงานกับพรรค เขาก็หนี เพราะไม่รู้จะมาทำไม

 

นอกจากนี้การทำงานของพรรค สอคท. ในฝ่ายบริหาร กับการขับเคลื่อนหรือแสดงออกทางการเมือง ส่วนนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าไม่มี จะไม่สามารถทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันได้ โดยจุดมุ่งหมายของเราคือ การสร้างพรรค สอคท. เป็นสถาบันให้ได้ ส่วนจะเป็นพรรคขนาดใดขึ้นอยู่กับความนิยมจากประชาชน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

 

เมื่อถามว่า เหตุผลที่ทำให้ นายวิเชียร ตัดสินในมาร่วมงานกับพรรค สอคท. คืออะไร นายวิเชียร กล่าวว่า ตนเห็นว่า พรรค สอคท. เปิดโอกาสให้คนมีศักยภาพ มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ และมีคุณค่า ได้เข้ามาทำหน้าที่ ไม่ใช่ใครที่อยู่ใกล้อำนาจ หรือเข้าถึงอำนาจได้เป็นผู้มีอำนาจ และทำฝ่ายเดียว เพราะจะทำให้ไม่เป็นพรรค แต่กลายเป็นพวก ว่าใครเป็นพวกใคร ซึ่งเป็นปัญหาของพรรคการเมือง โดยหลักการของพรรค สอคท. จะไม่ทำแบบนั้น เพราะเราไม่ต้องการคนที่เข้ามาแสวงหา และช่วงชิงผลประโยชน์ เราต้องการคนที่เข้ามาร่วมโดยมีอุดมการณ์ มีเป้าหมาย เพื่อดูแลประชาชน โดยเฉพาะตอนนี้ที่บ้านเมืองมีวิกฤตและปัญหา ทั้งโควิด-19 และเศรษฐกิจโลก ถ้าไม่มีคนขับเคลื่อนก็จะทำให้ลำบากมาก

 

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาพบกับการแบ่งพรรคแบ่งพวกของนักการเมืองมามากใช่หรือไม่ นายวิเชียร กล่าวว่า ใช่ ตนไม่อยากเห็นแบบนั้น เพราะทำให้เกิดความเสียหายอย่างที่เราเห็น พอกลุ่มคนนั้นพ่ายแพ้ และอยู่ไม่ได้ก็ออกไป

 

เมื่อถามว่า จุดดึงดูดของ พรรค สอคท. คือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และจะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้หรือไม่ว่านายสมคิด จะอยู่กับพรรค สอคท. นายวิเชียร กล่าวว่า นายสมคิดอยู่พรรคนี้แน่ แต่นายสมคิดจะดูจังหวะเวลาในการเปิดตัวเพื่อให้สอดรับเมื่อมีทีมที่แข็งแรง และทุกคนพร้อมทำงาน นายสมคิด จะไม่อยู่ในเชิงของการบริหารพรรค แต่จะดูแลในระดับภาพรวมใหญ่ทั้งหมด ดูแลเศรษฐกิจ และปัญหาของชาติบ้านเมือง นี่คือหน้าที่ของนายสมคิด ดังนั้น พรรค สอคท. ต้องมีความพร้อมเรื่องของฐาน เพื่อให้นายสมคิดสามารถไปยืนอย่างสง่างาม เพื่อขับเคลื่อนโยบายต่างๆ

เมื่อถามว่า มีความชัดเจนแล้วว่าจะเสนอชื่อนายสมคิดเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายวิเชียร กล่าวว่า “ใช่ เราจะเสนอนายสมคิดเป็นแคนดิเดตนายกฯ​ อันดับหนึ่ง และนายอุตตม สาวนายน เป็นอันดับสอง ส่วนอันดับสาม จะประเมินสถานการณ์ในตอนนั้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนายสมคิดเองไม่ขัดข้อง”

 

เมื่อถามว่า จะมีคนตามมาจากพรรค พปชร. มาเพิ่มหรือไม่ นายวิเชียร กล่าวว่า ยอมรับว่ามีหลายคนจะตามมาอยู่ด้วย แต่ไม่สามารถตอบได้ เพราะบางคนยังเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่ ถ้าลาออกต้องเลือกตั้งใหม่ จึงเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

 

เมื่อถามว่า ในอนาคต พรรค สอคท. จะจับมือกับพรรคการเมืองอื่นที่สนับสนุน.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายวิเชียร กล่าวว่า "ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ เราไม่ได้ประกาศเป็นศัตรูกับท่าน ซึ่งอนาคตท่านจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดู เพราะไม่รู้ว่าท่านจะตัดสินอย่างไร แต่เท่าที่ตนประเมินคิดว่านายกฯ จะไปต่อ แต่พรรค สอคท. จะเสนอนายสมคิดเป็นแคนดิเดตนายกฯ"​