วันที่ 24 เมษายน นายสกลธี ภัททิยกุล ลงพื้นที่หาเสียง พบปะประชาชนในตลาดย่านฝั่งธน ได้แก่ ตลาดศาลาน้ำเย็น ตลาดรถไฟ ตลาดศาลาน้ำร้อน ตลาดวังหลัง ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม และตลาดสดธนบุรี
โดยระหว่างเดินพูดคุยกับแม่ค้าพ่อค้าและประชาชน ที่ตลาดวังหลัง ยังคงได้รับร้องเรียนปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะขอให้ช่วยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากผู้คนจับจ่ายซื้อของลดน้อยไปมาก
นายสกลธี กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาในหลายพื้นที่ของตลาดเขตฝั่งธนซึ่งเห็นศักยภาพของแต่ละพื้นที่ว่าสามารถพัฒนาได้ เช่น ที่ตลาดวังหลัง ตอนที่ตนเคยเป็นรองผู้ว่าฯ เคยมีแผนพัฒนาให้เป็นเหมือนถนนข้าวสารอยู่แล้ว เราเป็นชุมชนดั้งเดิมและเป็นพื้นที่จับจ่ายใช้สอย ทั้งคนในพื้นที่และบุคลากรศิริราชรวมทั้งนักศึกษาจากธรรมศาสตร์ คือแนวของตน เน้นที่จะพัฒนาพื้นที่ ดก็ตามที่สามารถเพิ่มศักยภาพที่ดีขึ้น ค้าขายได้ดีขึ้นและไม่กระทบต่อการเดินเท้า เพราะต้องสมดุลกันระหว่าง การค้าขายในพื้นที่ และสิทธิของคนที่ใช้ทางเท้าร่วมกันด้วย
นายสกลธี กล่าวต่อว่า จากที่ตนเดินตลาดทุกวัน ก็พบว่า มีจุดเด่นเรื่องอาหารที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวมะม่วง หมูปิ้ง หรือขนมไทยต่างๆ ที่เป็นอาหารง่ายๆ ที่จะสามารถดึงจุดเด่นออกมาโปรโมทได้ ซึ่งตนก็ได้ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยงานด้านนี้อยู่แล้ว
“ในทีมของผมได้ พี่แก่ กฤษณะ ซึ่งเป็นอดีตรอง ผู้ว่าฯ ททท.ที่มีความสามารถด้านการท่องเที่ยวในประเทศมาช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวให้บูมขึ้นมา ทั้งนี้ตนคิดว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ที่สามารถเข้ากันได้ระหว่างวิถีชุมชนกับการท่องเที่ยวสมัยใหม่ อาจจะไม่ได้ทำแค่ถนนคนเดินแต่อาจจะมีการใช้จัดงานศิลปะในชุมชน ต้องใช้วิธีหลายๆ วิธีมาฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด" นายสกลธีกล่าว
จากนโยบายของรัฐบาลที่จะเริ่มเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ค.นี้ หากตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. สิ่งที่จะทำได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ กทม. อาจจะเป็นการนำรถบัสไฟฟ้ารับส่งนักท่องเที่ยวมาไว้บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ และนักท่องเที่ยวสามารถเดินชื่นชมดื่มด่ำกับวัฒนธรรมของชุมชนต่างๆ นับเป็นแผนที่ทำได้เลยไม่ต้องรองบประมาณใดๆ
และเชื่อว่าทางเขตและผู้ประกอบการเองก็มีความพร้อม ที่จะช่วยกันอยู่แล้วสิ่งที่ต้องเพิ่มเติมอาจจะเป็นเรื่องของการคิดไอเดียต่างๆ ที่จะทำให้เกิดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวให้มากขึ้นเท่านั้น
ชูจุดเด่นทีมงานรองผู้ว่าฯ ไม่ยึดโยงพรรคการเมือง
ก่อนหน้านั้น นายสกลธี ภัททิยกุล ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดย่านฝั่งธน เกี่ยวกับทีมงานที่เตรียมเปิดตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดเปิดตัวไปแล้ว 4 คน และจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ โดยแต่ละคนก็มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร กทม. เป็นทีมคนรุ่นใหม่ และส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยร่วมงานด้วยกันมา
ทุกคนเป็นคนที่อยากเข้ามาทำงาน พัฒนากรุงเทพฯ และทีมงานของตนส่วนใหญ่ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดทางการเมือง ถือเป็นการทลายเรื่องดังกล่าวไปหมด ไม่เหมือนกับในอดีต ที่รองผู้ว่าฯ จะต้องมาจากการเมืองหรือมาจากอดีต ส.ก หรือฐานทางการเมือง ที่อาจจะทำให้ทำงานลำบาก
"ผมว่าจุดอ่อนของอดีตผู้ว่าในแต่ละยุคที่ผ่านมา น่าจะเป็นเรื่องที่มาจากการเมือง เพราะเมื่อมาจากพรรคการเมืองแล้วอาจจะมีข้อจำกัดในการบริหาร โดยเฉพาะการเลือกบุคลากร ที่อาจจะต้องเป็นบุคลากรของพรรค การที่จะเอาคนนอกมา ก็เป็นเรื่องลำบาก แต่อย่างของผมเมื่อเป็นอิสระแล้ว ก็สามารถดึงคนที่มีความสามารถ เข้ามาร่วมทำงาน โดยไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับพรรคได้" นายสกลธี กล่าว