นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ ประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่พร้อมอาคารประกอบ
จากกรณีมีการประชุมคณะกรรมการตรวจการจ้างฯเมื่อวันที่ 17 พ.ค.65 และขอให้ตรวจสอบไม้พื้นกระดานและไม้ตงทุกแผ่นว่าเป็นไม้ตะเคียนทองตามข้อกำหนดในสัญญาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่หรือไม่
โดยการประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประชุมคือ นายปรีชา ชวลิตธำรง ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการตรวจการจ้างฝ่ายเสียงข้างมาก ผู้แทนบริษัทควบคุมงาน (ATTA) ผู้แทนบริษัทที่ปรึกษา (CAMA) นายสุทธิพล พัชรนฤมล ผู้แทนบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยไม่มีการเชิญกรรมการตรวจการจ้างเสียงข้างน้อยเข้าร่วมประชุมด้วยนั้นสรุปสาระสำคัญ 3 ประการ คือ
นายวัชระ กล่าวว่าในฐานะผู้เสียภาษีอากรจึงขอทราบรายละเอียดว่า ตามที่มีการอ้างว่าเป็นดำริของประธานรัฐสภาจริงหรือไม่ และเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการตรวจสอบไม้ตะเคียนทองตามข้อกำหนดในสัญญา
จึงขอให้มีการตรวจสอบไม้ปูพื้นทุกแผ่นในอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ฯ ทุกชั้นและไม้ตงที่ใช้รองไม้ปูพื้นทุกแผ่นทุกชั้นว่าเป็นไม้ตะเคียนทองตามข้อกำหนดในสัญญาหรือไม่ เพราะได้รับแจ้งเบาะแสจากข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตในสภาฯยืนยันว่าไม้ตงทุกชิ้นล้วนแต่ไม่ใช่ไม้ตะเคียนทองทั้งสิ้น และไม้ปูพื้นส่วนใหญ่ไม่ใช่ไม้ตะเคียนทองตามสัญญาด้วย
ดังนั้น เพื่อสนับสนุนตามนโยบายของประธานรัฐสภา ที่ให้การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบมีความถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายทุกประการจึงขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้ว่าจ้างสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ด้วยเงินค่าก่อสร้างจำนวน 12,280 ล้านบาท ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายทุกข้อสัญญาต่อไป
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.60 และวันที่ 12 ธ.ค. 60 ว่า “ให้การก่อสร้างอาคารตลอดจนระบบงานอื่นๆแล้วเสร็จภายในปี 2562 ” เพื่อใช้ประกอบการคิดค่าปรับการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จหรืออื่นๆตามอำนาจหน้าที่
และโดยหนังสือมติคณะรัฐมนตรีฉบับนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าการขยายเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ณ วันที่ 1 ม.ค.63 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.63 ล้วนแต่ขัดมติคณะรัฐมนตรีทั้งสิ้น จึงขอให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป