วันนี้(22 พ.ค.65) นางนิตยา นาโล หรือ “นักสู้ปอสี่” อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน และ นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ ได้ประสานมือกันผนึกกำลัง “ขอบคุณรัฐประหาร 2557” ทหารออกเพื่อยุติความขัดแย้งของประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะเป็น “คนเสื้อแดง” และ “กลุ่ม กปปส.”
นางนิตยา นาโล กล่าวว่า วันนี้จะขอมารำลึกกับเหตุการณ์ 22 พฤษภาคม 2557 “8 ปี รัฐประหาร” ตนอยากจะขอขอบคุณทหารที่มีการรัฐประหาร ขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นำประกาศการรัฐประหารตั้ง คสช.
เพราะอะไรจึงต้องออกมาขอบคุณ เพราะวันนั้นก่อนการรัฐประหาร แกนนำอยู่บนเวทีได้ประชุมหารือกัน และต้องการให้มวลชนเคลื่อนขบวนออกจาก “ถนนอักษะ” ในวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2557 เพื่อไปปะทะกับกลุ่ม กปปส.หรือ “คนเสื้อเหลือง” ที่นำขบวนโดย “ลุงกำนัน” จนทำให้ทางทหาร โดยการนำของ ผบ.ทบ.ได้เชิญแกนนำไปพูดคุยกันยังค่ายทหารติดต่อกัน 2- 3 วัน
สุดท้าย “แกนนำ นปช.” ก็ไม่ยอมต้องการจะเอาประชาชนเป็นข้อต่อรองกับทางทหาร และต้องการจะนำมวลชนไปปะทะกัน ซึ่งก่อให้เกิด “คนไทยฆ่ากันเอง” เมื่อพวกตนได้ทราบข่าวก็พากันตกใจเช่นเดียวกัน เพราะอาจจะทำให้ตนซึ่งเป็นแกนนำที่นำพี่น้องคนเสื้อแดงมาจากทาง “ภาคอีสาน” ได้รับอันตราย
จึงได้ปรึกษากันว่าพวกเราจะค่อยๆ ออกจากม็อบ แล้วไปเช่าบ้านเช่าอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ แต่สุดท้ายทางทหารก็ได้ดำเนินการ “รัฐประหาร” โดย คสช. “...พวกตนต่างพากันยกมือขึ้นศรีษะ แล้วกราบขอบคุณพระรัตนตรัยว่า สาธุที่มีการรัฐประหาร” ขอบคุณทหารทันที มิเช่นนั้นเพื่อนพ้องน้องพี่ของพวกเราตายและบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมากแน่นอน หรือที่สำคัญ “ประชาชนคนไทยจะเข่นฆ่ากันเอง” เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้าน
นางนิตยา กล่าวอีกว่า เมื่อเหตุการณ์รัฐประหารเกิดขึ้น ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พวกตนก็ได้รับการประสานงานกับทาง คุณอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ในขณะนี้เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนากัน เมื่อกลับมาถึงบ้าน จ.สกลนคร ก็พากันเข้าไปมอบตัวกับทางทหาร จ.สกลนคร
ส่วน คุณอานนท์ และพวกก็พากันไปมอบตัวกับทางทหาร จ.อุดรธานี ทางตนและคุณอานนท์ ก็ยืนยันมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่เคยถูกทหารเอาถุงดำคลุมหัว หรือ บังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด” มิหนำซำยังเชิญพวกเราไปทานกาแฟ พูดคุยกันอยูในห้องแอร์เย็น ๆ และ ทำข้อตกลงว่าจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองอีก ประมาณ 3 ข้อ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่ายไม่เหมือนกับแกนนำ นปช.ออกมาให้ข่าวแต่อย่างใด
ด้าน นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ กล่าวว่า การรัฐประหารยึดอำนาจของทหารทุกครั้ง อยากจะบอกว่า ที่ผ่านมาตนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกกระทำจากทหาร ที่มีการรัฐประหารยึดอำนาจแล้วเอาทหารมาควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ และทำ MOU ในการขับเคลื่อนทางการเมือง
จึงทำให้พวกเราชาวอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง มาดำเนินกิจกรรมตามนโยบายของรัฐบาลทั้งเก่าและใหม่ นั่นคือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเปลี่ยนมาเป็น “หมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน” ส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรและเชื่อมสัมพันธ์กับเหล่าทหารค่ายทหาร มทบ. และทหารจังหวัดต่าง ๆ
จนทราบว่าที่ผ่านมาของการัฐประหารยึดอำนาจของทหารแต่ละครั้งก็เพราะอะไร เพราะนักการเมือง จากปี 2535-2557 จึงต้องมีรัฐประหารถึง 3 ครั้ง ก็เพราะว่า “นักการเมืองฉ้อราษฎร์บังหลวง” โกงกิน บ้านเมือง ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน แล้วใครจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้เพราะนักการเมืองบางคนก็เป็นเจ้าพ่อมาเฟีย สมคบคิดกับกลุ่มนายทุนโกงกินจนพากันร่ำรวย มาถึงปัจจุบันนี้
อยากจะถามกลับไปบ้างว่า มีนักการเมืองคนไหนที่ เป็น ส.ส. หรือ รัฐมนตรี แล้วยากจนและช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง ถ้านักการเมืองและกลุ่มนายทุนยังสมคบคิดกันโกงบ้าน โกงเมือง อยู่ตลอด ทหารที่ดูแลประชาชนจำเป็นก็ต้องออกมาทำการรัฐประหารยึดอำนาจ
แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจาก ส.ส.ร. สุดท้ายก็ยังมีนักการเมืองที่ทุจริตโครงการต่าง ๆ โกงกินจนร่ำรวย มนุษย์ทุกคนมีอายุขัยไม่มากไม่เกิน 100-120 ปี นักการเมืองที่คิดจะเป็นคนดี ไม่ต้องการให้มีการรัฐประหารยึดอำนาจจากทหาร ก็พยายามรักษาศีล 5 อย่าโกงกิน ช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง
“ทุกวันนี้คนภาคเหนือตาสว่างแล้ว จะไม่ขอไปทำลายประเทศไทยอีกต่อไป ต้องหันหน้าเข้าหากันช่วยประเทศชาติที่กำลังเจอกับวิกฤติโควิด-19 ระบาด อย่าพากันบ้าอำนาจ เอาเงินที่เคยโกงกินมาสนับสนุนม็อบกลุ่มต่างๆ ให้ออกมาเผาบ้านเผาเมืองเหมือนกับทุกวันนี้ ที่มีการออกมาก่อม็อบกันทุกๆ วัน จนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และจำนวนผู้ร่วมชุมนุมน้อยลง เพราะว่าประชาชนเขาตาสว่าง
และทราบดีอยู่แล้วว่าที่ผ่านมาของการเกิดรัฐประหารยึดอำนาจจากทหาร เพราะนักการเมืองทุจริตโกงกินโครงการต่าง ๆ จนประชาชนเดือดร้อน ประเทศชาติล่มจมฉิบหายก็เพราะนักการเมืองเหล่านี้ นี่แหละคือการ ล้มร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่แท้จริง ไม่ใช่การรัฐประหารยึดอำนาจ” นายสมชัย ระบุ