นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกระแสข่าวฝ่ายค้านจะไม่ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ว่า เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่พรรคฝ่ายค้านสนใจผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไร เพราะร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปีเป็นส่วนสำคัญ ถ้าสภาฯ ไม่รับหลักการหรือไม่ให้ผ่านในชั้นรับหลักการ ส่งผลต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล มีทางเลือก 2 ทางคือ ไม่ยุบสภาก็ต้องลาออก
“ส่วนจะมีเงื่อนไขเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เป็นประเด็นที่ฝ่ายค้านได้พินิจพิเคราะห์ความเป็นไปได้มาโดยตลอด ว่า สภาผู้แทนราษฎรจะอนุญาตให้นายกรัฐมนตรีบริหารงบประมาณปี 66 หรือไม่ ส่วนพรรครวมฝ่ายค้านได้ไปดูในเนื้อหาสาระของแผนงานงบประมาณ ซึ่งมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน”
ส่วนการไม่ผ่านงบประมาณจะกระทบกับประชาชนหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า บทบัญญัติทางรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าแม้จะไม่ผ่านงบประมาณก็ใช้งบประมาณเดิมคือ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ไปพลางก่อน
เว้นแต่เป็นเรื่องงบลงทุนที่จะสร้างใหม่ เพราะฉะนั้นแผนงานโครงการอะไรต่าง ๆที่เป็นเรื่องประจำสามารถทำได้ต่อ แต่ไม่อนุญาตให้เอาไปลงทุนในสิ่งที่เห็นว่าไม่ชอบ
“การปล่อยให้รัฐบาลใช้งบประมาณปี 66 อีกปี อาจจะยิ่งกระทบต่อพี่น้องประชาชนมากกว่า นี่ก็เป็นทางเลือกที่จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน การไม่ให้ผ่านอาจจะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่า ปล่อยให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาจัดสรรงบประมาณ”
นพ.ชลน่าน กล่าวถึงปัญหาภายในพรรคเศรษฐกิจไทย เป็นจังหวะที่จะดึงกลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาร่วมในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ว่า ตนมองปัญหาภายในพรรคเศรษฐกิจไทยเป็นมิติทางการเมือง
ส่วนสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะอะไร ประชาชนต้องติดตามว่าทำไมถึงไปด้วยกันไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสมมติฐานว่า เกิดจากการสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้หรือสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนี้ ต้องมาดูว่าสิ่งที่พรรคแสดงจุดยืนออกมา จะมาในทิศทางการเมืองที่ฝ่ายค้านมุ่งหวังหรือไม่อย่างไร ต้องรอความชัดเจน
ส่วนจะดึงมาร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “ไม่ต้องดึง เขามาเอง”