ผู้ค้าสลากร้อง“ไทยสร้างไทย”คนตัวเล็กกระอัก โวยรัฐแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

10 มิ.ย. 2565 | 09:35 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มิ.ย. 2565 | 16:46 น.

ผู้ค้าสลากรายย่อย ร้อง “ไทยสร้างไทย” คนตัวเล็กกระอัก แผงหวยเงียบสนิท โวยรัฐแก้ปัญหาไม่ตรงจุด แนะปราบตัวกลาง “ยี่ปั๊ว”เพื่อช่วยรายย่อย “ต่อพงษ์ ไชยสาส์น” ชี้ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ อย่าปล่อยคนตัวเล็กเสียโอกาสทำกิน ตีโจทย์ผิดเรื่องแก้หวยแพง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย และ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีผู้ค้าสลากรายย่อย เข้ามาร้องเรียน ปัญหาความเดือดร้อน

 

โดยระบุถึงมาตรการแก้ไขปัญหาหวยแพงของรัฐบาล โดยการขายผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อพ่อค้าแม่ขายรายย่อย ที่รับสลากต่อมาเป็นมือที่ 3 หรือ มือที่ 4 ราคาจึงเกินใบละ 80 บาท บางรายจำเป็นต้องขายในราคาใบละ 100 บาท เพื่อให้พอมีกำไรสามารถอยู่ได้

 

 

แต่เมื่อประชาชนสามารถเลือกซื้อ สลากออนไลน์ได้ แม่ค้าพ่อขายรายย่อย จึงเป็นกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขายยากขึ้น เงียบเหงามาก หลายชั่วโมงกว่าจะได้สักหนึ่งใบ พี่น้องผู้ค้าสลากรายย่อย จำใจรอประเมินสถานการณ์ก่อนถึงวันออกรางวัลงวดนี้ หากสลากยังเหลืออยู่เป็นจำนวนมากคงต้องตัดใจขายขาดทุนใบละ 50-80 บาท และในงวดต่อๆ ไป ก็อาจพิจารณายุติการขายเพราะไม่สามารถแบกต้นทุนหวยที่แพงได้อีก

 

นายต่อพงษ์เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องการผู้บริหารที่มีความรู้ความเข้าใจ มีวิสัยทัศน์ และเข้าถึงปัญหาที่แท้จริงว่าต้นเหตุของสลากแพงเป็นเพราะเหตุใด เพราะแนวทางที่รัฐกำลังดำเนินการขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อผู้ค้าสลากรายย่อยที่หาเช้ากินค่ำ เพราะรัฐแก้ปัญหาไม่ตรงจุด การแก้ไขปัญหาโดยไม่สนใจผู้ค้ารายย่อยเช่นนี้ จะทำให้ผู้ค้ารายย่อยตกงานอีกเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน

ต้นตอของปัญหา สังคมทราบดีว่าเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับยี่ปั๊วรายใหญ่ที่มีความสนิทสนมกันหรือไม่ รวมถึงยังมีปัญหากลุ่มยี่ปั้วได้ส่งนอมินีแปลงร่างเป็นผู้ค้ารายย่อย ตั้งโต๊ะรับซื้อรวบชุดสลากไปขายได้เหมือนเดิม ทั้งหมดคือต้นทางของปัญหา ที่รัฐต้องแก้ไขไม่ใช่ไปใช้วิธีการตัดวงจรการทำมาหากินของคนตัวเล็กที่เป็นผู้ค้ารายย่อย


ส่วนอีกประเด็นที่สำคัญ คือ การเพิ่มสิทธิ์การซื้อการจองสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านธนาคารกรุงไทย ให้กับผู้ค้าสลากรายย่อยรวม 2 แสนสิทธิ์นั้น ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ผู้ที่ได้รับสิทธิ์นั้นมีรายชื่อบุคคลใดบ้าง กระบวนการเหล่านี้มีความโปร่งใสมากน้อยเพียงใด และการเพิ่มสิทธิ์ครั้งนี้จะกลายเป็นการจัดสรรสลากให้กับ พวกพ้องคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจในรัฐบาลอีกหรือไม่ สังคมคงต้องร่วมกันตรวจสอบต่อไป