คดีนี้สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา พิจารณาข้อกล่าวหา นายก อบต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา สุมทร จันทร์งาม ร่วมกันทุจริตโครงการชุดลอกสันดอนทรายคลองอู่ตะเภา และคลองหลำ หมู่ที่ 2, 3, 7 และ 8 ในเขตพื้นที่ อบต.ท่าโพธิ์ สมรู้ร่วมคิดกันเพื่อแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของรัฐโดยทุจริต
มิได้มุ่งหมายแก้ไขปัญหาให้เป็นตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ไม่ตรวจสอบ และควบคุมการขุดลอกคลองตามโครงการดังกล่าว กลับให้ผู้รับจ้างดูดทรายโดยไม่ชอบด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ.2547 หลีกเลี่ยงไม่เปิดโอกาสให้มีการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม
ตามสัญญาจ้าง เลขที่ 9/2550 และสัญญาจ้าง เลขที่ 1/2553 ดังกล่าวเป็นการทำนิติกรรมอำพราง เพื่อแสวงหาประโยชน์จากการประกอบกิจการดูดทราย
จากนั้น สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา ส่งสำนวนพร้อมความเห็นให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนการสอบสวน แล้วเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์การกระทำความผิดโดยสรุป คือ
นายสุนทร จันทร์งาม ในฐานะนายก อบต.ท่าโพธิ์ เป็นผู้เสนอโครงการขุดลอกสันดอนทรายคลองอู่ตะเภาและคลองหลำ เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และการสัญจร ซึ่งได้ดำเนินการในช่วงปีงบประมาณ 2550-2551 และในปีงบประมาณ 2552-2554
โดยให้ผู้รับจ้างนำวัสดุ กรวด หิน ดิน ทรายที่ได้จากการขุดเป็นค่าตอบแทน มี ธนาคม ขุนโหร เป็นผู้รับจ้าง และเป็นผู้จัดทำรายละเอียดตามโครงการเสนอให้นายสุนทร ลงนามอนุมัติ โดยที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนกระบวนการของส่วนราชการภายใน อบต.และที่ประชุมของ อบต.
ประกอบกับการดำเนินการจัดจ้างขุดลอกตามโครงการ มิได้มีการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 คือ ไม่แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างหรือตรวจสอบปริมาตรของดิน หิน กรวด ทรายที่ได้จากการขุดลอก และผู้รับจ้างก็มิได้ส่งมอบงานจ้าง ทั้งๆ ที่ได้ทำสัญญาจ้างขุดลอกกับ อบต.ท่าโพธิ์ จำนวนหลายครั้ง
นอกจากนี้การดำเนินงานของผู้รับจ้าง ขุดลอกโดยใช้เครื่องดูดทรายวางไว้บนทุ่นเรือแพ แล้วดูดทรายอยู่ที่จุดเดิม โดยไม่ได้เคลื่อนย้ายไปยังจุดอื่น อันมิใช่ลักษณะของการขุดลอกสันดอนทรายเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และการสัญจรให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ทั้งการขุดลอกดังกล่าว ก็มิได้เป็นไปตามตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ.2547 และเงื่อนไขในการอนุญาตที่กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ได้กำหนดไว้ว่าให้ใช้รถแบคโฮขุดลอก เท่านั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 9 เสียง ให้การกระทำของ นายสุนทร จันทร์งาม มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151
และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 157
เป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือ สวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือ ปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
การกระทำของ นายธนาคม ขุนโหร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งสำนวนพร้อมคำวินิจฉัยไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ดำเนินการทางวินัย
นอกจากนี้ ส่งสำนวนพร้อมคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด ปัจจุบัน อัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาล และศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องแล้ว