คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทยกล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการขึ้นค่าไปจากหน่วยละ 4 บาท พรวดเป็น 5 บาท งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ว่า จะไปกระทบกับค่าครองชีพประชาชน ที่ผ่านมาต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้รายได้ของประชาชนลดลง เป็นผลต่อเนื่องซ้ำเติมหนี้ครัวเรือนของไทยในปี 2564 พุ่งขึ้นมาเป็น 14.58 ล้านล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 90.1 ต่อ GDP
สะท้อนให้เห็นถึงปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายในการดำรงชีพ จึงทำให้ประชาชนต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่มขึ้น เพื่อประคองให้อยู่รอดในช่วงวิกฤติ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว กำลังซื้อของคนไทยจะหดหายอย่างแน่นอน เพราะจะต้องนำรายได้ส่วนใหญ่มาใช้หนี้ ซึ่งจะไปกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือค่าไฟให้แก่ผู้มีรายได้น้อย แต่การได้สิทธิมานั้นมีความยุ่งยากซ้ำซ้อน เพราะต้องลงทะเบียนในการได้รับสิทธิช่วยเหลือค่าไฟ แน่นอนว่า ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงได้
พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องให้มีการลงทะเบียนเพื่อช่วยเหลือค่าไฟให้ยุ่งยาก เพิ่มความลำบากให้แก่ประชาชน การช่วยเหลือประชาชนต้องทำให้ง่ายในการเข้าถึง ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย เสนอว่า หากครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 1,000 บาท รัฐบาลจะอุดหนุน 500 บาท หากครัวเรือนที่ใช้ค่าไฟเกิน 1,000 บาท ก็ให้คิดค่าไฟตามปกติ
สำหรับผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ใช้ไฟไม่เกิน 50 หน่วย ก็สามารถใช้ไฟฟรีได้ตามปกติ เพื่อให้เกิดความช่วยเหลือที่ครอบคลุมและตรงจุดต่อไป
ส่วนมาตรการช่วยเหลือค่าไฟแก่ผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล ที่ช่วยเหลือครัวเรือนไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน และหากเกินจาก 315 บาทต่อเดือน ครัวเรือนนั้นต้องจ่ายค่าไฟตามปกติ เป็นการช่วยเหลือที่ไม่เพียงพอ และไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชนในปัจจุบันที่ต้องใช้ไฟฟ้ามากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ทำให้ประชาขนทำงานอยู่บ้านเพิ่มขึ้น และนักเรียนต้องเรียนออนไลน์ที่บ้าน เมื่อมีการกลับมาระบาดของโรคโควิด-19 ในโรงเรียน ทำให้ต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้