หมอชลน่าน อัด"บิ๊กตู่"ขาดภาวะผู้นำ บริหารประเทศล้มเหลว เปรียบรัฐบาล 608

19 ก.ค. 2565 | 01:57 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ค. 2565 | 17:16 น.

หมอชลน่าน ร่ายยาวเปิดข้อกล่าวหาและพฤิกรรมนายกฯ -รมต.รวม 11 คน ชี้ "บิ๊กตู่"ขาดภาวะผู้นำ บริหารประเทศบกพร่อง 6 ประการ ทำการเมืองพังพินาศ ล้มเหลว เปรียบเหมือนรัฐบาล 608

เวลา 08.30 น.วันที่ 19 กรกฏาคม 2565 ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องด่วน "ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล" วันแรก ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จำนวน 11 คน  

 

การซักฟอกครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านใช้ชื่อว่า "ยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน" โดยจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ 19 กรกฏาคม-วันที่ 22 กันยายน และจะไปลงมติในเสาร์ที่ 23 กรกฏาคม 

 

เวลา 9.35 น. การอภิปรายฯเริ่มที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร    แถลงญัตติข้อกล่าวหาและพฤติกรรมรัฐมนตรีแต่ละคน

หมอชลน่าน อัด\"บิ๊กตู่\"ขาดภาวะผู้นำ บริหารประเทศล้มเหลว เปรียบรัฐบาล 608

นพ.ชลน่าน อภิปรายฯโดยสรุปว่า หากเปรียบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นสินค้า เชื่อว่า ประชาชน ร้อยละ 99 จะไม่ใช้สินค้ายี่ห้อนี้ต่อไป  เนื่องจากบริหารประเทศบกพร่อง 6  ประการ คือ 

 

1.บกพร่องด้านความเป็นผู้นำ เป็นผู้นำไร้ความสามารถ ลวงโลก บุคลิกภาพมีปัญหาทั้งกับตัวเอง ครอบครัว และประชาชน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแบรนด์สินค้าหนึ่ง ถ้าได้ฟังฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนจะไม่ใช้สินค้ายี่ห้อนี้อีกต่อไป เพราะเป็นผู้นำไร้ความชอบธรรมตั้งแต่เข้าสู่อำนาจ และการใช้อำนาจก็ยังขาดความชอบธรรม

 

ทั้งยังไม่สามารถหารายได้ให้ประชาชนและประเทศ ทำไม่เป็น อีกทั้งยังเป็นผู้นำไร้วิสัยทัศน์ หลายสถานการณ์บ่งชี้เช่นนั้น ผลจากการบริหารแผ่นดินชี้ให้เห็นถึงภาพรวม แต่ที่ชัดเจน คือ บังอาจตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจประเทศ 

 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า  2.เศรษฐกิจพังพินาศ ล้มเหลว จนทั้งแผ่นดิน ทุกข์ เครียดทั้งแผ่นดิน ของแพง หนี้สินท่วมหัว นำมาซึ่งความสิ้นหวังของประชาชน รัฐบาลชุดนี้ คือรัฐบาล 608  ไร้ความรู้ไร้ความสามารถ ทนต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มิหนำซ้ำอมโรคป่วย กู้เกือบเต็มเพดานทุกปี กลุ่มทุนเติบโต แต่ประชาชนร้อยละ 99 จนลง

 

มีการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนและพวกพ้องแต่คนรับกรรมคือประชาชน ใกล้เลือกตั้งจัดงบประมาณกระจุกตัว โดยเฉพาะถนน และแหล่งน้ำ งบพัฒนาแหล่งน้ำในภาคใต้ ภาคอีสาน

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

 

3.สังคมพินาศพังทลาย สร้างความแตกแยก แบ่งฝักฝ่าย ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ดูแลลูกหลาน ถามว่าเอื้อประโยชน์ให้ใคร ปล่อยให้มีนโยบายสุ่มเสี่ยง อย่างนโยบายกัญชาเสรี เป็นผู้นำยิ่งใหญ่ แต่ถูกบีบคอ เรียกค่าไถ่ได้ตลอดเวลา ประเทศอุดมไปด้วยยาเสพติด แล้วบ้านเมืองจะพัฒนาได้อย่างไร 4.ความพินาศด้านสาธารณสุข  ล้มเหลวแก้วิกฤติโควิด-19 สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ  

 

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า  5.ความพินาศด้านการเมือง ระบบรัฐสภาถูกทำลายย่อยยับ เป็นระบบที่สถาปนา สภากล้วยขึ้นมา มีการใช้เงินแลกเสียงโหวตทุกครั้งที่มีการลงมติที่สำคัญๆ การโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจโดนตีแพร่ 3ป.ขอเท่าไหร่

 

พรรคร่วมรัฐบาลเท่าไหร่ ตัวเลขอยู่ที่หลักล้าน ภาษาชาวบ้านเรียก 3 อย่างบาท  3 คนล้าน เป็นไปได้อย่างไร นายกฯจงใจเป็นปฏิปักษ์ทำลายระบบรัฐสภา และการเมืองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เรื่องนี้ถึงศาลแน่นอนกับพฤติการณ์ที่ทำอยู่ 

 

“เรื่องนี้น่าอัปยศอดสูที่สุด เราแบ่งแยกอำนาจการปกครอง เราจะไม่ก้าวล่วงหน้าที่ซึ่งกันและกัน ฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ออกกฎหมาย ลงมติ ท่านไม่มีสิทธิ์ก้าวล่วงสั่งการตามที่ท่านต้องการได้ ทำลายหลักการพื้นฐานการปกครอง เป็นความผิดที่ร้ายแรง เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง

 

ครอบงำชี้นำพรรคการเมืองที่สมยอมเป็นไปได้ยอ่างไร เปลี่ยนระบบเลือกตั้งมาเป็นแบบคู่ขนาน แต่ก่อนคืนวันสุดท้ายยังเป็นหาร 100 พอเช้าอีกวัน สั่งการจากทำเนียบรัฐบาล ให้หาร 500

 

เข้าใจว่าเป็นความต้องการของท่าน เพื่อทำลายพรรคคู่แข่ง ตามเจตนารมณ์ที่ยึดอำนาจเข้ามาไม่เสียของ ทำลายพรรคเพราะคิดว่าเป็นของคนๆเดียวคนนั้น จับหนูตัวเดียวเผาบ้านตัวเอง พังพินาศหมด ที่สำคัญเป็นไปตามคำร้องขอของส.ส.ในสภาฯแห่งนี้ แม้จะขัดใจพี่ใหญ่ของท่าน เราสร้างแม่เป็นวัว แต่มีใครคนหนึ่งแอบไปผสมพันธุ์ ลูกหรือกฎหมายลูกมันจึงออกมาเป็นควาย ใช้วิธีแบบนี้พรรคเล็กพรรคน้อยตายหมด ยกเว้นพรรคที่มีคะแนนนิยมที่จะรอด แต่รอดในสัดส่วนที่น้อย ยังมีเวลาไปใช้ศาลรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจหน้าที่สามารถทักท้วงมายังรัฐสภาได้ ว่าแก้ไขกฎหมายลูกมาตรา 23 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ 
 

นพ.ชลน่าน กล่าวทิ้งท้ายว่า 6.คอร์รัปชั่นจนประเทศพังพินาศ เป็นยุคทุจริตเฟื่องฟู ติดอันดับความโปร่งใสประเทศตกต่ำสุดรอบ10ปี  เป็นรัฐบาลที่หาเงินจากภาษีประชาชนให้ตัวเองเพื่อไปใช้ประโยชน์การเลือกตั้ง กว้านซื้อส.สอย่างไรก็ตาม ตนหวังลึกๆมติสภาจะสร้างปาฏิหาริย์ ให้แตกต่างจากระบบเสียงข้างมากในอดีต ที่ฝ่ายเสียงข้างมากรอสัญญาณให้โหวต

 

แต่ครั้งนี้จะมีปาฏิหาริย์ ใครบางคนโดนสอย นั่งร้านจะถูกสอย แม้จะไม่ถูกสอย การเปิดโปงทุจริตคอร์รัปชั่น เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องและตัวเอง

 

สิ่งเหล่านี้จะบ่งชี้บอกไปยังประชาชนถึงเวลาต้องตัดสิน เสียงในสภาฯไม่ชนะศรัทธาของประชาชน เชื่อมั่นอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะคนที่ดูถูกอำนาจประชาชน จะถูกสั่งสอนในสนามเลือกตั้ง ท่านไม่ตายในสภาฯ ใส่รถฉุกเฉินยังรักษาชีวิตได้ แต่ตายในสนามเลือกตั้งแน่นอน

 

ฝากส.ส.ที่มาจากประชาชน ต้องคำนึงถึงความต้องการประชาชน และหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรไปจากสภาฯแห่งนี้ได้แล้ว อย่าอยู่เป็น 608ทำลายประเทศต่อไป