วันที่ 26 ก.ค.65 ที่สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์ณัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนเอาผิด ส.ส.ที่มีหลักฐานยืนยันว่ารับเงินหรือทรัพย์สินจากบุคคลอื่น โดยการโอนบัญชีธนาคารผ่านระบบ internet banking ของธนาคารนับแสนบาท
ทั้งนี้สืบเนื่องจากการที่สื่อมวลชนได้เผยแพร่ข้อมูลจากกรณีไลน์หลุด ซึ่งมีเนื้อหาและภาพที่ระบุให้เห็นว่า มีรายชื่อ ส.ส.พรรคเล็ก เซ็นต์ชื่อรับเงินกันหลายคน และมีภาพหลักฐานสลิปการโอนเงินไปยังบุคคลปลายทาง ซึ่งเป็นชื่อของหัวหน้าพรรคการเมืองเล็กๆ รวมทั้งหัวหน้ากลุ่มการเมืองด้วยโดยเป็นเงินจำนวนมากที่มีการจ่ายกันเป็นรายเดือน
ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ได้ออกมาให้ข่าวว่ามี ส.ส.พรรคเล็กบางคนรับเงินเกิน 3,000 บาท เกินกว่ากฎหมาย ป.ป.ช.ที่กำหนด ซึ่งใช้เป็นหลักฐานที่สามารถบ่งชี้ได้ว่านักการเมืองต่างๆ มีพฤติการณ์การรับเงินกันจริง ซึ่งอาจเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่างกันหรือไม่
กรณีดังกล่าวหาก ส.ส.รับเงินกันกันจริง ก็อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.128 วรรคแรก แห่ง พรป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจํานวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด” ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2563 แล้ว ซึ่งกำหนดว่าเจ้าพนักงานของรัฐจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาได้แต่ละโอกาสไม่เกิน 3,000 บาทเท่านั้น
ซึ่ง ส.ส.ผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม ม.169 แห่ง พรป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2560 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 และข้อ 17 ประกอบ ข้อ 27 วรรคสองได้
หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าฝ่าฝืนจริงก็อาจยื่นคำร้องส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ ส.ส.ผู้นั้น และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี
นอกจากนั้น ยังอาจเข้าข่ายความผิดตาม ป.อ.มาตรา 149 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 4 แสนบาท หรือประหารชีวิต
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจากแหล่งที่ปรากฏในสื่อสำนักต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย กลุ่มไลน์ต่าง ๆ และแหล่งข่าวเชิงลึก นำมามอบให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เพื่อเอาผิดผู้ที่กระทำการดังกล่าวต่อไป