วันที่ 6 ส.ค.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อถกเถียงสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) แบบหาร 100 และ 500 ว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้ให้ความสนใจ และรู้สึกเบื่อมาก คิดว่าเป็นการเสียเวลาที่จะมาถกเถียงกันเรื่องนี้ แทนที่จะเอาเวลาไปหาทางช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ดีกว่า
การที่ตนมาทำงานพรรครวมไทยสร้างชาติ มีแนวทางการทำงานที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ต้องการมาทำงานเพื่อประชาชน ไม่ได้สนใจที่จะมาเล่นเกมการเมือง ใครอยากจะเล่นก็เล่นกันไปในสภา พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เพราะว่าจะเป็นแบบไหนก็ไม่ได้มีผลต่อการทำงานของพรรค
ยอมรับว่าไม่ว่าแบบไหนก็ย่อมจะมีผลกระทบในส่วนของส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่แล้ว แต่ถ้าเรื่องของ ส.ส.เขตไม่มีปัญหา เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ไม่ใช่เรื่องของประชาชน เพราะไม่ว่าหาร 100 หรือหาร 500 ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่แล้ว ดังนั้น จึงคิดว่านักการเมืองควรเอาเวลาไปทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนดีกว่าการจะมาถกเถียงกันเรื่องนี้
“ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ควรที่จะมาคิดเรื่องการแก้ปัญหา ทำยังไงจะให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยจะใช้ชีวิตผ่านช่วงนี้ไปได้ ผมไม่ได้คิดเรื่องของแลนด์สไลด์ที่จะเอาอำนาจมาใช้ทางการเมือง แต่คิดว่าทำอย่างไรจะได้อำนาจการเมืองมาเพื่อใช้ทำงานที่จะช่วยประชาชนให้ผ่านวิกฤติไปได้ เพราะตอนนี้คนอยู่ลำบาก บางคนต้องถูกฟ้องล้มละลาย ผมคิดว่าผมอยากคุยเรื่องนี้มากกว่าเรื่อง 100 เรื่อง 500 ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หากเสียงข้างมากแบบไหนก็ต้องยอมรับ ดังนั้น เอาเวลามาเตรียมตัวพร้อมสู้ตามกติกาดีกว่า” นายพีระพันธุ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์ไม่หวั่นหลังจากที่มีข่าวว่า นายพีระพันธุ์ ประกาศเกี่ยวกับ ส.ส.ภาคใต้ ในนามพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ทุกพรรคเขาก็ต้องพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับการเลือกตั้งอยู่แล้ว ไม่มีพรรคไหนที่หวั่นพรรคไหน
และไม่รู้สึกลำบากใจว่าจะเป็นการต่อสู้ตัดคะแนนกันเอง เพราะเห็นว่าทุกพรรคการเมืองมีสิทธิ์ที่จะเสนอแนวทางการทำงานให้ประชาชน ส่วนประชาชนจะเลือกใครก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่หากเห็นว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนพรรครวมไทยสร้างชาติก็จะเสนอออกไปอยู่แล้ว
นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวด้วยว่า หลังเปิดตัวพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีกลุ่มคนที่หลากหลาย ทั้งผู้ทำงานด้านการเมืองเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว และยังมีคนรุ่นใหม่ ที่อยากจะทำงานด้านการเมืองและมีอุดมการณ์เดียวกันที่มาเข้าร่วม
“ที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้ไปเดินสาย หรือติดต่ออะไรกับใครเป็นพิเศษ เพราะทุกคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเองทั้งนั้น ถ้าเห็นด้วยกับแนวทางการทำงานของพรรครวมไทยสร้างชาติ ผมก็ยินดีที่จะเข้ามาทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองด้วยกัน”
สำหรับข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ก็เป็นกระแสที่ต่างคนต่างก็พูดกันไป แต่เรื่องจริงเป็นอย่างไรนั้นก็จะปรากฏขึ้นเอง ยืนยันว่าการทำพรรคไม่ได้ยืดโยงหรือมีวาระอื่นๆ นอกจากอยากจะเข้ามาทำตามความตั้งใจ ในฐานะหัวหน้าพรรคขอยืนยันในอุดมการณ์และแนวทางการทำงานของพรรคตามที่ได้กล่าวในที่ประชุมพรรคคือ การมุ่งเน้นเข้ามาช่วยแก้ปัญหาของชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายที่ยังไม่ชัดเจน เพื่อเป็นเครื่องมือในการขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้กับสังคมอย่างแท้จริง
โดยสมาชิกที่มาร่วมกันทำงานพรรคต่างก็มาจากหลายที่ แต่เป็นพวกเดียวกันที่อยากสร้างพรรคการเมืองที่เป็นนักการเมืองของประชาชน และทำงานให้ได้ตามเป้าหมาย ไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังตำแหน่งทางการเมือง
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา 30 ปี ตนทำงานด้านการเมืองมาพยายามทำหน้าที่อย่างที่ตั้งใจ หลายเรื่องเป็นเรื่องของการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย แต่ตนทำคนเดียวไม่ได้ การที่จะช่วยเหลือประชาชน หรือประเทศต้องเป็นพรรคการเมือง วันนี้เลยมารวมกันเพื่อสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติให้เป็นพรรคการเมืองที่ไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง จะพยายามทำพรรครวมไทยสร้างชาติให้กลายเป็นพรรคหลักของประเทศ และจะนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยว
“เราจะไม่เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้เพื่อแสวงหาสถานะ อำนาจบารมี ทางการเมืองเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับพวกเรา แต่เราจะอาศัยอำนาจทางการเมืองตรงนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนทุกรูปแบบ เราจะไม่เข้าไปทะเลาะทางการเมือง แต่เราจะทะเลาะกับความเหลื่อมล้ำของสังคม เราจะทำสังคมให้เท่าเทียม เราจะทะเลาะกับสิ่งที่ทำให้ประชาชนขาดโอกาสที่จะดำรงชีวิตอย่างเท่าเทียมเสมอภาค”นายพีระพันธุ์ ระบุ