ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พรรคพลังชาติไทย จัดประชุมใหญ่วิสามัญ เปลี่ยนชื่อเป็นพรรครวมแผ่นดิน และเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ มีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรค และกรรมการอื่น รวม 14 คน ไปแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายชิงชัย ก่อประภากิจ "นายก เคี้ยง" อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ตาก อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) จังหวัดตาก ในฐานะกรรมการบริหาร พรรครวมแผ่นดิน ร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารพรรครวมแผ่นดิน ประกาศชูนโยบายเศรษฐกิจ ที่สำคัญ คือ
1. พรรคจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูความเชื่อมั่น ในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการเพิ่มกำลังการบริโภคของประชาชน และลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อที่ทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ ด้วยการเพิ่มเงินในมือของประชาชนในพื้นที่ที่ยังต้องมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานอยู่มาก ผ่านการให้ระบบสวัสดิการอุดหนุนค่าครองชีพในพื้นที่ดังกล่าว ในรูปแบบของคูปองในสองปีแรกของการเป็นรัฐบาล เพื่อสนับสนุนตลาดท้องถิ่น ตลาดพื้นบ้าน หรือตลาดการเกษตรชุมชน
ร่วมกับการอบรมอาชีพเพื่อให้ชุมชนสามารถเข้าสู่การใช้เทคโนโลยีพื้นฐาน e-commerce เพื่อต่อยอดนำผลผลิตชุมชนเข้าสู่การซื้อขายออนไลน์ได้ในอนาคต ในขณะเดียวกันจะส่งเสริมต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง การเกษตรชาญฉลาด (Smart Farmer) และวิศวกรรมอุตสาหการอย่างง่าย เพื่อให้ประชาชนสามารถลดค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ไม่จำเป็นออกไปอย่างเป็นรูปธรรม
2. พรรคจะสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิตัลให้เกิดขึ้นได้จริง อย่างเป็นสัดส่วนที่สูงทัดเทียมอารยประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการทำตลาดของประชาชน และอุตสาหกรรมครัวเรือนในประเทศ โดยสนับสนุนให้เกิดกระดานการซื้อขายสินค้าออนไลน์ของคนไทย ที่มีศักยภาพ และได้รับความนิยมสูง ผ่านความร่วมมือกับ กสทช. และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการสื่อสาร และส่งเสริมการผลิตบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและดิจิตัล ให้เพียงพอ ผ่านการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและอุตสาหกรรม
3. พรรคจะส่งเสริมในการเพิ่มรายได้ ให้กับประเทศ ด้วยการเน้นและผลักดันการส่งออกของประเทศ ให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกันส่งเสริมให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรม S-curve และอุตสาหกรรมล้ำยุคไปในตัว ด้วยมาตรการยกเว้นการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกิจการที่สามารถริเริ่มมูลค่าการส่งออกได้ในสามปีแรก ไม่ว่าจะเป็นกิจการขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ และอุตสาหกรรมที่สามารถเพิ่มจำนวนการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจที่มีอัตราสูงในสามปีแรกเช่นกัน นอกจากนั้นจะส่งเสริมการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมดิจิตัล เขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงต่างๆ ศึกษาเพื่อผลักดันการเปิดเสรีบ่อนการพนันถูกกฏหมาย ฟื้นฟูธุรกิจสถานบันเทิง ส่งเสริมการท่องเที่ยว
4. พัฒนาการศึกษาและแรงงาน พรรคจะเน้นการผลิตบุคลากรที่เป็นที่ต้องการในระบบเศรษฐกิจ และขาดแคลนสูง เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีอนาคต ให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งออกบุคลากรเหล่านี้ เพื่อนำเข้าเงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่างเทคนิค ช่างฝีมือ บุคลากรสายอาชีวะ บุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มัณฑณศิลป์ ศิลปิน และบุคลากรด้านศิลปะและวัฒนธรรม บุคลากรด้านสาธารณสุขและการแพทย์ และจะพัฒนาตลาดแรงงานให้เข้าสู่กลุ่มสาขาอาชีพที่มีความต้องการเหล่านี้ เพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งเสริมสิทธิเด็กและสตรี
5. พรรคจะไม่เพิ่มหนี้สาธารณะที่ไม่จำเป็น แต่จะพยายามนำระบบโครงสร้างการขนส่งและคมนาคมขั้นพื้นฐาน การขนส่ง และขั้นพัฒนาใหม่ของประเทศ ให้เกิดการเชื่อมโยงและเกื้อกูลกันของเศรษฐกิจให้มากที่สุด นอกจากนั้นแล้วจะส่งเสริมการเชื่อมต่อระหว่างโหมดการเดินทาง และโครงสร้างการขนส่งเหล่านั้น เพื่อเป็นการลดการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจและเพิ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศให้มากที่สุด...
ส่วนกติกาการเลือกตั้งที่ยังไม่ลงตัว ว่าจะหาร 500 หรือหาร 100 พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ.อยุธยา กล่าวย้ำว่า ไม่ว่ากติกาการเลือกตั้งจะออกมาเป็นสูตรไหน จะหาร 500 หรือ 100 ทางพรรครวมแผ่นดินมีความพร้อม และสู้ตามกติกา
อีกทั้งอยากให้มีการผลักดันคนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาท ต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ มากขึ้น ตอนนี้ตั้งใจส่งเสริมเรื่องกีฬาให้มากขึ้น เพราะเป็นรากฐานของความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม เพราะเมื่อร่างกายคนเราแข็งแรง ก็มีสุขภาพกายและใจดี ก็จะทำให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข
โดยการประชุมวันนี้คึกคักมาก เพราะมีอดีตนักการเมืองเดินทางเข้าพบ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา "บิ๊กน้อย" หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ไม่ขาดสาย เพื่อหารือแนวทางการทำงานร่วมกัน และกำหนดนโยบายย่อยให้ชัดเจนจากนโยบายหลักที่ได้ประกาศไปแล้ว