เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา นายประพันธุ์ คูณมี ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัยประธานวุฒิสภา และพลเอก อู๊ด เบื้องบน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ที่ได้รับกำรเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. ขอให้ระงับการพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบพลตํารวจเอก ดร. ณัฐธรเพราะ สุนทร ได้รับเลือกเพื่อเป็น กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เฉพาะราย
ประพันธุ์ให้เหตุผลในหนังสือถึง นายพรเพชร ว่า ตามที่ ข้าพเจ้า นายประพันธุ์ คูณมี ได้มีหนังสือชี้แจงคุณสมบัติของผู้สมัครคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ฉบับลงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ว่า กระบวนการสรร หากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.”) เพิ่มเติมแทนผู้ที่ ไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภายังไม่เสร็จสิ้น
เนื่องจากการที่ พลตํารวจเอก ดร. ณัฐธร เพราะ สุนทร ที่แต่เดิมในการสรรหาครั้งแรกได้ลงสมัครเพื่อรับการสรรหาเป็นกรรมการ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค แต่ต่อมา ในการสรรหาเพิ่มเติมได้เปลี่ยนด้านการสมัครเพื่อรับการสรรหาเป็นกรรมการ กสทช.จากด้าน คุ้มครองผู้บริโภคเป็นด้านกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่ชอบด้วย ข้อ 6 ของระเบียบที่อ้างถึง 2.
นายประพันธุ์ จึงขอให้ประธานวุฒิสภานําข้อเท็จจริงดังกล่าว นําส่งต่อคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและ พฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการ กสทช.
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 นายประพันธุ์ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ("คณะกรรมการสรรหา") ต่อศาลปกครอง กลาง โดยขอให้ศาลมีคําสั่งเพิกถอนประกาศผลการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครของคณะกรรมการสรรหาเฉพาะส่วนที่มีคําสั่งว่า พลตํารวจเอก ดร. ณัฐธร เพราะสุนทร เป็นผู้สมควรได้รับเลือกเพื่อเป็น กรรมการ กสทช. ด้านอื่น ๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. (ด้านกฎหมาย) ) ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคําสั่งรับคําฟ้องไว้ พิจารณาแล้ว
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 นายประพันธุ์ยังได้มีคําร้องขอทุเลาการบังคับและ/หรือกําหนด มาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ประกาศของคณะกรรมการ สรรหาที่มีคําสั่งให้พลตํารวจเอก ดร. ณัฐธร เพราะสุนทร เป็นผู้สมควรได้รับเลือกเพื่อเป็นกรรมการ กสทช. (ด้านกฎหมาย) ไม่มีผลใช้บังคับเป็นการชั่วคราวและห้ามไม่ให้คณะกรรมการสรรหาและบุคคลภายนอกนําประกาศดังกล่าวไปใช้อ้างอิงหรือดําเนินการใด ๆ ต่อไป พร้อมทั้งขอให้ศาลปกครองกลางพิจารณาและมีคําสั่ง เป็นการเร่งด่วนแล้ว ซึ่งขณะนี้คําร้องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
หนังสือที่นายประพันธุ์ทำถึงประธานวุฒิสภา ระบุว่า ข้าพเจ้าขอเรียนว่า หากศาลปกครองมีคําพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนประกาศของ คณะกรรมการสรรหาที่มีคําสั่งให้พลตํารวจเอก ดร. ณัฐธร เพราะสุนทร เป็นผู้สมควรได้รับเลือกเพื่อเป็น กรรมการ กสทช. (ด้านกฎหมาย) ตามคําฟ้องของข้าพเจ้า และ/หรือมีคําสั่งตามคําร้องของข้าพเจ้าแล้ว จะมีผล ทําให้ถือว่า ประกาศของคณะกรรมการสรรหาที่มีคําสั่งให้พลตํารวจเอก ดร. ณัฐธร เพราะสุนทร เป็นผู้สมควร ได้รับเลือกเพื่อเป็นกรรมการ กสทช. (ด้านกฎหมาย) ไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่และไม่มีผลใช้บังคับทางกฎหมาย
ดังนั้น หากที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติเห็นชอบให้ พลตํารวจเอก ดร. ณัฐธร เพราะสุนทร เป็นผู้สมควรได้รับเลือก เป็นกรรมการ กสทช. ด้านกฎหมายก่อนที่ศาลปกครองจะพิจารณาคําฟ้องและคําร้องตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1. และ 2. ของข้าพเจ้าแล้ว
หากต่อมาภายหลังศาลปกครองได้มีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนประกาศของ คณะกรรมการสรรหาที่อ้างถึง 3. หรือไม่ให้ใช้บังคับประกาศดังกล่าวแล้ว การกระทําของกสทช. ในระหว่างนั้น อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ สํานักงาน กสทช. จะต้องสูญเสียเงินงบประมาณแผ่นดิน สูญเสียเวลา และบุคลากรในการดําเนินการสรรหากรรมการ กสทช. ด้านกฎหมายใหม่ และยังเป็นการกีดกันผู้ที่มีความรู้ ความสามารถด้านกฎหมายรายอื่น ไม่ให้ได้รับเลือกเป็นผู้สมควรได้รับเลือกเพื่อเป็นกรรมการ กสทช. อีกด้วย
ข้าพเจ้า ขอเรียนว่า การระงับการพิจารณาลงมติให้ความเห็นชอบบุคคลผู้สมควรได้รับเลือก เพื่อเป็นกรรม กสทช. เฉพาะราย พลตํารวจเอก ดร. ณัฐธร เพราะสุนทร นั้น ไม่ได้กระทบต่อการจัดทําบริการ สาธารณะหรือการทําหน้าที่ของ กสทช. แต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบัน
การที่วุฒิสภาได้ให้ความเห็นชอบ คณะกรรมการ กสทช. ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 แล้วและได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรด กระหม่อมแต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการ กสทช. ตามที่เสนอทุกราย จึงทําให้ในปัจจุบันมี คณะกรรมการ กสทช. ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่และอํานาจตามที่กฎหมายกําหนดไว้ได้ทุกประการ ทําให้การ จัดทําบริการสาธารณะสามารถเดินหน้าต่อไปไม่ได้โดยไม่หยุดชะงักแต่อย่างใด ตามที่มาตรา 16 วรรคสาม แห่ง พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ได้กําหนดไว้
จากข้อเท็จจริงที่ได้กราบเรียนข้างต้น ข้าพเจ้าจึงขอความกรุณาให้ท่าน ในฐานะประธาน วุฒิสภา ได้โปรดระงับการพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบบุคคลผู้สมควรได้รับเลือกเพื่อเป็นกรรมการกสทช. เฉพาะราย พลตํารวจเอก ดร. ณัฐธร เพราะสุนทร ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้บุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติหรือลักษณะ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้าไปปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. จนทําให้การปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ไม่สามารถ ดําเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและอาจถูกโต้แย้งหรือคัดค้านในอนาคตได้ อันจะส่งผลกระทบอย่าง มหาศาลต่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งนี้ จนกว่าศาลปกครองจะได้มีคําสั่งหรือคําพิพากษาในคดีนี้ถึงที่สุดต่อไปด้วย