"เพื่อไทย"โวปีหน้าเป็นรัฐบาล จะเผาบัตรคนจนทิ้ง

18 ส.ค. 2565 | 08:12 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ส.ค. 2565 | 15:24 น.

“อุบลศักดิ์” อภิปรายงบฯ ก.คลัง ซัดนโยบายบัตรคนจน ทำคนไทยจน 15 ล้านคน ระบุ ปีหน้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะเผาบัตรคนจนทิ้งทั้งหมด โวขอเปลี่ยนคนจนเป็นรวยเสมอภาค

วันที่ 18 สิงหาคม 2565 ที่รัฐสภา มีการพิจารณาในมาตรา 9 งบประมาณของกระทรวงการคลัง และหน่วยงานในกำกับ ที่มติกมธ.เสียงข้างมาก ปรับลดวงเงินให้เหลือ 10,421 ล้านบาท โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย ขอปรับลด 6% หรือ 629 ล้านบาท

 

โดยให้เหตุผลว่า มีความเป็นห่วงกระทรวงการคลังไม่ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บภาษี และมีการปล่อยให้การจัดเก็บภาษีอยู่ในความรับผิดชอบของ 3 หน่วยงานจัดเก็บที่ผู้รับผิดชอบ ซึ่งอาจขาดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินการ

 

ทั้งนี้ขอเสนอแนะให้กระทรวงการคลังเน้นการจัดเก็บภาษีที่เน้นลดความเหลื่อมล้ำโดยเฉพาะปรับปรุงการจัดเก็บภาษีของกลุ่มบุคคลที่มีฐานะดี ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดกรณีที่มีผู้มีฐานะดีปลูกกล้วยกลางเมืองหลวง แล้วกระทรวงการคลังวินิจฉัยว่ามีการทำการเกษตรแล้ว

 

“สำหรับนโยบายรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะการจัดเก็บค่าไฟปัจจุบันที่มีการขึ้นค่าไฟเป็นการผลักภาระให้ประชาชน ขณะเดียวกันก็สะท้อนว่าการประมูลผ่านกรมบัญชีกลางกลายเป็นสนามฮั้วประมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีผู้ได้รายชื่อของการประมูลไปก่อนทำให้เกิดการประมูลที่มีราคาใกล้เคียงกับราคากลาง ที่ตั้งไว้” 

ขณะที่ นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายทักท้วงว่า การใช้งบประมาณของกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน เพราะพบว่าการช่วยเหลือดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากปัจจุบันมียอดคนจนเพิ่มมากขึ้น

ายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย

และหากปีหน้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะเผาบัตรคนจนทิ้งทั้งหมด เพราะคนจนจะรวยแบบเสมอภาค ทั้งนี้การบริหารจัดการของรัฐบาลกู้อย่างเดียว ถือว่าหย่อนสมรรถภาพทางสมอง ก่อนหน้านี้คนมีรถป้ายแดง มีบ้าน แต่ปัจจุบันบ้าน รถโดนยึด ถือว่ารัฐบาลสร้างคนจน 15 ล้านคน ดังนั้น ตนขอไว้อาลัยให้กับรัฐบาลเผด็จการ

 

จากนั้นลงมติในมาตรา 9 เห็นด้วย 222 เสียง ไม่เห็นด้วย 88 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

 

ขณะที่มาตรา 10 กระทรวงการต่างประเทศ กมธ.ไม่มีการแก้ไข วงเงินที่จัดสรร 3,763 ล้านบาท ภาพรวมการอภิปรายได้เสนอความเห็นต่อการจัดสรรงบประมาณที่เน้นภารกิจการจัดประชุมสุดยอดผู้ทำเศรษฐกิจ (เอเปค) ที่กระทรวงการต่างประเทศควรทำให้เต็มที่ เชิญผู้นำของแต่ละประเทศเข้ามาร่วมให้มากที่สุด
 

โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก) ในฐานะกมธ. อภิปรายขอปรับลดงบประมาณกระทรวงต่างประเทศลง 150 ล้านบาท ว่า หลังจากที่อนุกมธ.ฝึกอบรม สัมมนาฯ ได้เสนอปรับลดงบประมาณลง ซึ่งหน่วยงานก็ยอมรับการปรับลดไปแล้ว แต่อนุกมธ.ฯ ยังไม่ได้รับข้อมูลว่าจะปรับลดในส่วนไหน

 

เมื่อมาชี้แจงในชั้นกมธ.ชุดใหญ่ กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือมาขออุทธรณ์ขอคืนทั้งจำนวนดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลว่ามีภารกิจสำคัญคือการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล ไม่สามารถปรับลดงบส่วนนี้ได้ จึงต้องปรับลดงบประมาณในส่วนของรายการเงินอุดหนุนองค์กรระหว่างประเทศที่ไทยเป็นสมาชิกแทน ซึ่งงบค่าสมาชิกเป็นพันธะกรณีมีความผูกพันต้องชำระในฐานะสมาชิก จึงขออุทธรณ์การปรับลดดังกล่าว

 

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ในการพิจารณางบประมาณปี 64 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ก็เป็นเช่นนี้ที่อนุกมธ.ฯ มีการเสนอให้ปรับลดเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่หน่วยงานไปตัดงบงานวิจัยที่เป็นประโยชน์และไปให้ข่าวที่โจมตี สภาฯว่าเป็นคนตัดลดงบประมาณ ทั้งๆ ที่หน่วยงานเป็นคนจิ้มเอง แถวบ้านผมเรียกว่ารู้มาก

 

เมื่ออนุกมธ.ฯ ไม่บอกว่าให้ตัดรายการอะไร หน่วยงานก็ไปตัดค่าสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศที่ใครก็รู้ว่าไม่สามารถทำได้ เสร็จแล้วก็อุทธรณ์กลับมา พฤติกรรมเช่นนี้เป็นการดูถูกสภาฯ วางตัวว่าตัวเองอยู่เหนือฝ่ายตรวจสอบถ่วงดุล ซึ่งก็ทำสำเร็จ เพราะกระทรวงการต่างประเทศเป็นกระทรวงเดียวที่ไม่ถูกตัดลดงบประมาณลงเลยแม้แต่บาทเดียว” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

 

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า เอกสารที่หน่วยงานอุทธรณ์มาเป็นหลักฐานว่าผู้บริหารของกระทรวงการต่างประเทศมองว่างบประมาณที่มีความสำคัญน้อยที่สุดสามารถปรับลดได้คือ ค่าสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศที่ไทยเป็นสมาชิกอยู่

 

หากดูงบประมาณที่เข้ามาในอนุกมธ.สัมมนาฯ แปลว่าค่าสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศสามารถตัดลดได้ แต่ค่าเช่ารถยนต์ 114 คัน ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าดูแลบำรุงสวนหย่อม ต้นไม้ สนามหญ้า ไม่สามารถตัดลดได้แม้แต่บาทเดียว

 

และค่าใช้จ่ายที่ระบุว่าการดำเนินการส่งกลับผู้หนีภัยจากเมียนมาอย่างยั่งยืนก็ไม่สามารถตัดได้แม้แต่บาทเดียว พฤติกรรมที่ไม่ให้เกียรติสภาฯ และการจัดลำดับความสำคัญของการใช้งบประมาณเช่นนี้ ตนคิดว่าหน่วยงานควรรับผิดชอบการตัดสินใจของตนเอง ตนขอยืนยันให้ปรับลดงบกระทรวงการต่างประเทศลง 150 ล้านบาท

 

จากนั้นที่ประชุมลงมติมาตาา 10 เห็นชอบกับที่กมธ.มีการแก้ไขด้วยคะแนนเห็นด้วย 195 ไม่เห็นด้วย 88 งดออกเสียง 0 และไม่ลงคะแนนเสียง 5