เปิดประวัติ “บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ผบ.ตร.คนที่ 13

29 ส.ค. 2565 | 07:09 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ส.ค. 2565 | 16:15 น.

เปิดประวัติและผลงาน “บิ๊กเด่น - พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ว่าที่ผบ.ตร.คนที่ 13 เกษียณอายุราชการ ปี 2566

วันนี้ (29 ส.ค.65)  ในที่สุดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)  ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก็ได้มีมติคัดเลือกและแต่งตั้งให้ บิ๊กเด่น - พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) เป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 13 แทน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.2565 นี้


สำหรับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ว่าที่ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 38  (นรต.38) จะเกษียณอายุราชการ ปี 2566

 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ มีชื่อเล่น “เด่น” เกิดวันที่ 3 ก.ย. 2506 ปัจจุบันอายุ 59 ปี


จบการศึกษามัธยมศึกษา โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) รุ่นที่ 9 
ปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตร์จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 38
นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 22

ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์จาก City University สหรัฐอเมริกา


สำเร็จหลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของ F.B.I, หลักสูตร การควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department สหรัฐอเมริกา


ส่วนประวัติการรับราชการที่สำคัญๆ ประกอบด้วย 


รองผู้กำกับการป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลบางรัก


ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน


รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)


รองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน


ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ


ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2


ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา


ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล


ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3


ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

หน้าที่และผลงานเด่น ๆ ที่ผ่านมา เช่น


-รับผิดชอบงานความมั่นคง เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือศูนย์ PCT


-ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง (ศปข.ตร.)
-ศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.)


-ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.ตร.)


-ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) (ศบตอ.ตร.)


- ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตปค.ตร.) หรือ Anti-Fake News and Security Center of Royal Thai Police (ANSCOP)

 


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เริ่มรับราชการครั้งแรกเมื่อปี 2528 ตำแหน่ง รอง สวส.สน.พลับพลาไชย เขต 2 ดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ รอง ผกก.ป.สน.บางรัก ผกก.สน.คลองตัน เคยได้รับรางวัลต่างๆ อาทิ ป้องกันยาเสพติดดีเด่น ของ ตร., พัฒนาสถานีตำรวจเพื่อประชาชน อันดับ 1 และรางวัลชุดปฏิบัติการชุมชนสัมพันธ์ดีเด่นของ บช.น. 3 ปีซ้อน 

 

ก่อนเลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191), รองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (อคฝ.) ต่อมาได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้เลื่อนขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ดูแลงานภูธร ก่อนมีคำสั่งให้กลับเข้ามาดูแลงานสำคัญในพื้นที่กรุงเทพตอนเหนือ ในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2


ต่อมาได้ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา จากนั้นได้เลื่อนเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ก่อนย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และโยกไปเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ริเริ่มจัดทำโครงการ “ประชารัฐร่วมใจต้านภัยยาเสพติด (ปักกลด)” 1,472 หมู่บ้าน 


โดยให้ตำรวจเข้าไปคลุกคลี แก้ปัญหายาเสพติดร่วมกับชาวบ้านและฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข ในชุมชนที่มีปัญหาแพร่ระบาดเป็นระยะเวลา 1 เดือนจนกว่าปัญหาคลี่คลายจนได้รับฉายา “เด่นปักกลด” และได้รับรางวัลป้องกันปราบปรามยาเสพติดดีเด่นจาก ป.ป.ส. 


นอกจากนี้ยังได้ริเริ่มโครงการ “สร้างสรรค์นวัตกรรมในการลดสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนบนพื้นฐานระบบงานสืบสวน อบถ.” ใน 8 จังหวัดภาคอีสาน ปัจจุบัน ตร. ได้นำมาเป็นตัวอย่างขับเคลื่อนในการลดอุบัติเหตุทางถนนกับทุกจังหวัด

 

จากนั้นได้รับการเลื่อนให้มาดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ต่อเนื่องจนเป็น รอง ผบ.ตร. โดยรับนโยบายที่สำคัญตรงจากรัฐบาล ให้แก้ไขปัญหาเด็กแว้นและหาแนวทางป้องกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง หรือ ศปข.ตร. ขึ้นมา มีศูนย์โซเชียล ตร. และ บช. เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบการแข่งรถในทางทั่วประเทศ ประสานข้อมูลกับตำรวจพื้นที่เพื่อให้ติดตามสืบสวนจับกุม 


และรายงานผลการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ไม่ปล่อยให้ตำรวจพื้นที่ทำงานอย่างโดดเดี่ยว มอบรางวัลสายข่าวให้กับประชาชนที่แจ้งเบาะแส ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาเด็กแว๊นได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นผลงานที่สำคัญของรัฐบาลและ ตร. จนถึงทุกวันนี้


ผลงานที่สำคัญที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. หรือ ศปอส.ตร. การทลายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่อ้างเป็นตำรวจ, เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์, เจ้าหน้าที่บริษัท DHL ซึ่งมีการขยายผลไปจับกุมถึงประเทศกัมพูชา แบบถอนรากถอนโคน 


ครั้งล่าสุดมีการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายในประเทศกัมพูชา 94 ราย ถือเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังกวาดล้างเครือข่ายพนันออนไลน์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรายสำคัญ เช่น คดีเสี่ยโป้ จนนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์จำนวนมาก, คดีทลายแท่นผลิตแบงค์ดอลล่าห์ปลอม คดีค้าอาวุธปืนออนไลน์ และคดีแก๊งปล่อยเงินกู้ ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทั้งสิ้น


ที่สำคัญยังได้ขับเคลื่อนระบบ “การรับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์” ที่ทันสมัยเข้ากับยุคดิจิตัล 


ตามแนวความคิดและนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ อาจารย์นักสืบยุค 5G และ รัฐบาล 4.0 อีกด้วย โดยสามารถดึงตำรวจที่เป็นยอดฝีมือที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยี และการสืบสวนสอบสวน มาช่วยวางระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ทำให้ประชาชนที่ตกเป็นผู้เสียหายสามารถแจ้งความและติดตามคดีได้สะดวกขึ้น มองเห็นตัวเลขสถิติคดีออนไลน์ และแยกแยะรูปแบบกลโกงออกมาได้ทั้งหมด

 

เห็นความเชื่อมโยงของคดี ตลอดจนติดตามอายัดเงินในบัญชีได้รวดเร็วขึ้นกว่าในอดีต อีกทั้งยังทำสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบเพื่อให้ประชาชนไม่หลงตกเป็นเหยื่ออีกด้วย


นอกจากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ก.อว.) ได้รับมอบทุนจากนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. ส่งข้าราชการตำรวจไปศึกษาระดับปริญญาโท ด้าน Cyber security ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา , จีน , สเปน และเยอรมนี ปีละ 4 ทุน ติดต่อกัน 3 ปี รวม 12 ทุน ตั้งแต่ปี 2565-2567

 

“หัวใจของการทำงานให้มีประสิทธิภาพ คือการติดตามและประเมินผล” คำขวัญที่มักกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอๆ 


นับได้ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เป็นทั้งนักปฏิบัติที่ผ่านประสบการณ์ทุกรูปแบบ และเป็นนักบริหารเชิงรุกตัวจริง ที่สร้างรากฐานวางรูปแบบการทำงานให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างมากมาย