"สมคิด" เขียนฝันครั้งสุดท้าย หลังประกาศทำพรรคสายกลางชิงตำแหน่งนายกฯ

08 ก.ย. 2565 | 07:44 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ย. 2565 | 14:44 น.

"สมคิด" เขียนฝันครั้งสุดท้าย หลังประกาศทำพรรคสายกลางชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากวิถีลูกจีนเยาวราช เบ้าหลอมนักกลยุทธ์ติดดิน

เว็บไซด์ "คมชัดลึก" เผยแพร่บทความเกี่ยวกับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โดยมีเนื้อหาว่า


ส่องชีวิต “สมคิด” วิถีลูกจีนเยาวราช เบ้าหลอมนักกลยุทธ์ติดดิน เคยเป็นลมใต้ปีกนายทุน-ขุนศึก พ.ศ.นี้ ขอเขียนฝันด้วยตัวเอง สู่สมรภูมิเลือกตั้งสมัยหน้า


ส่องชีวิต “สมคิด” ลูกคนยาก โชคชะตาฟ้าลิขิตได้ทุนไปเรียนเมืองนอก จึงมีโอกาสกลับมารับใช้บ้านเมือง

 

เพราะเกิดมาจน “สมคิด” เป็นนักการตลาดและนักกลยุทธ์ที่ติดดิน ชอบร้องเพลงคนกับควาย และเปิบข้าว

 

23 ปีที่แล้ว สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ร่วมวางกลยุทธ์ส่ง ทักษิณ ชินวัตร ถึงฝั่งฝันเป็นนายกรัฐมนตรี และมาถึงวันนี้ ได้เวลาที่เขาจะวางกลยุทธ์ให้ตัวเอง เพื่อไปให้ถึงเก้าอี้นายกฯ 

 
พ.ศ.นี้ เบื้องแรก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นั่งเก้าอี้ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย และชื่อสมคิด จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคในสมรภูมิเลือกตั้งสมัยหน้า
 

ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนชักชวนให้สมคิด เข้าสู่ถนนการเมือง ตั้งแต่สมัยพรรคพลังธรรม จนถึงพรรคไทยรักไทย 

 

ปลายปี 2560 สมคิดเปิดใจกับสื่อบางสำนักว่า “ผมเกิดที่เยาวราช ครอบครัวมีพี่น้อง 10 คน ได้เรียนเพราะได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาล จึงรู้ดีว่าคนจนต้องดิ้นรน เมื่อมีโอกาสมา เราต้องตอบสนอง ผมเข้ารับตำแหน่งกระทรวงการคลังครั้งแรก เริ่มนโยบายการคลังเพื่อสังคม ทำธนาคารคนจนแต่ทำไม่จบเพราะมีอุปสรรคเสียก่อน..”

 
‘ลูกคนยาก’

 
บรรพบุรุษ “สมคิด” ยากจนข้นแค้น จึงอพยพออกจากบ้านเกิดในอำเภอเท่งไฮ้ มณฑลกวางตุ้ง มาทำมาหากินในเมืองไทย

 
สมคิดจึงมีชื่อจีนว่า หั่งกวง แซ่จัง และเป็นลูกชายที่ลืมตาดูโลกในวันที่พ่อใกล้ล้มละลาย

 

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย

 
ซ้ง-พ่อของสมคิดสู้อดทนทำงานหนัก เก็บหอมรอมริบ กระทั่งพอสะสมเงินทองได้บ้างก็ร่วมกับเพื่อนอีก 4 คน เปิดร้านชื่อสี่ชัย แต่กิจการไม่สู้ดีนัก พอถึงจุดหนึ่งหุ้นส่วนต้องการแยกย้ายกันไปทำกิจการของตัวเอง ในที่สุดก็ปิดกิจการ

ต่อมา ซ้งพยายามดิ้นรน จนในที่สุดสามารถตั้งร้านเตี่ยเซ็งได้สำเร็จ ร้านนี้เดิมอยู่แถววัดเกาะ ครั้นต่อมาถูกไล่รื้อ จึงย้ายไปอยู่แถวตลาดน้อย แต่ร้านเตี่ยเซ็งประสบปัญหาเงินทุนหมุนเวียนไม่พอเพียง ไม่มีสินค้าเข้าร้าน กระทั่งขาดทุนจนต้องล้มละลาย และปิดกิจการในที่สุด

 

มรสุมลูกใหญ่ที่เกิดจากความล้มเหลวในธุรกิจของพ่อ ทำให้พี่สาว 2 คน พี่ชายอีก 4 คน และน้องสาวอีกหนึ่ง รวมตัวเขาด้วย เป็น 8 ชีวิต ต้องประสบกับความยากลำบาก

 

“เขาเป็นลูกคนไทยเชื้อสายจีน ที่ถูกเลี้ยงแบบจีนอย่างเข้มข้น บางคนบอกว่าสำเนียงพูดยังสะท้อนภูมิหลังเช่นนั้นด้วย บรรพบุรุษเป็นพ่อค้าธรรมดา ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างตัวในยุคก่อนและหลังสงครามโลกเหมือนคนอื่นๆ...เขาใช้เวลาเพียง 10 ปีเศษ ก้าวจากอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมดา ๆ ขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีคลังได้”

 
วิรัตน์ แสงทองคำ เขียนถึงสมคิด ในนิตยสารผู้จัดการ เมื่อครั้งที่คนแซ่จัง เป็นขุนคลัง ในรัฐบาลทักษิณ ปี 2544

 

ระหว่างที่สมคิด เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตรงกับช่วง 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 จึงได้สัมผัสบรรยากาศการเดินขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรม 

 

มีอยู่ครั้งหนึ่ง สมคิดได้เล่าให้นักข่าวมติชนฟังว่า เขาร้องเพลงไม่เป็นเลย แต่ก็ร้องเพลงคนกับควาย และเปิบข้าว กล่อมลูกทั้งสองคน แถมยังบอกว่าเพลงนกสีเหลือง มันร้องยาก เลยร้องได้แค่สองเพลง

 
‘นักกลยุทธ์ติดดิน’

 

ชะตาฟ้าลิขิต “สมคิด” และพี่ชายได้มาร่วมงานกับตระกูลโชควัฒนา เขาจึงมีโอกาสเรียนรู้หลักคิดของนายห้างเทียม ผู้ทำการค้าจากสองมือเปล่า ค่อย ๆ เรียนรู้ทีละขั้น สร้างองค์กรจนเติบใหญ่และมั่นคง


หลักคิด 2 ข้อที่สมคิด จดจำมาใช้ในชีวิตและการทำงานคือ “มากคนมากวาสนา และคนตัวเล็กต้องทำให้ใหญ่ แต่คนตัวใหญ่ต้องทำตัวให้เล็ก”

 

บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ที่ได้สมคิดเป็นที่ปรึกษาคู่ใจมานาน การันตีว่าสมคิดเป็นนักการตลาดและนักกลยุทธ์ ที่เข้าใจพฤติกรรมมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่หัวดื้อที่ไม่ฟังใคร และทำงานร่วมกับทุกคนได้ดี

 

มากคนมากวาสนา..สมคิดจะได้โอกาสวาสนาจากประชาชนหรือไม่ ผลการเลือกตั้งสมัยหน้าคือคำตอบ