คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงการถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับหนึ่งของพรรค ว่า เมื่อพรรคมีมติ และเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้ง ก็มีความพร้อมที่จะนำพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็นภารกิจแบกรับปัญหาของประชาชน และร่วมกันเปลี่ยนประเทศ สร้างชีวิตที่ดีกว่า และมั่นใจว่านโยบายและบุคลากรของพรรค จะสามารถสร้างความหวังและเปลี่ยนประเทศไทยได้
ขณะเดียวกันไม่กังวลถูกมองเป็นพรรคเล็กที่เพิ่งก่อตั้ง โดยเปรียบเหมือนการสอบไล่ที่ต้องแข่งกับตัวเอง มีหน้าที่ทำข้อสอบของตัวเองให้ดีที่สุด และได้ประกาศไปแล้วว่าจะสู้ทุกกติกา ไม่ได้กังวลใดๆ ถ้าประชาชนเห็นด้วยว่าพรรคเป็นทางออกของประเทศ และหากประชาชนให้ความไว้วางใจ เราก็จะสามารถเข้าไปทำงานได้ แม้เกิดใหม่จะเสียเปรียบ แต่หวังว่าประชาชนจะให้ความไว้วางใจและลงคะแนนให้
ส่วนกระแสการรวมกับพรรคสร้างอนาคตไทยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พูดเรื่องนี้ไปหลายครั้งแล้ว วันนี้ยืนยันเดินหน้าพรรคเรา แต่ก็เป็นมิตรกับทุกคน และตอนนี้ประเทศมีวิกฤติการเมือง มีความแตกแยก 16 ปี เกินพอแล้ว ซึ่งพรรคการเมืองแม้จะต่างความคิด ก็ควรร่วมมือกันทำเพื่อประชาชน ส่วนเมื่อถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้ขอเดินหน้าพรรคไทยสร้างไทยอย่างเต็มที่ และไม่ได้มีการพูดคุยอะไร
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงจุดยืนของพรรคจะสามารถร่วมงานกับ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้หรือไม่ว่า วันนี้เราเป็นทางเลือกใหม่ และมั่นใจว่าถ้าเลือกพรรคไทยสร้างไทยแล้ว จะไม่กลับไปวงจรอุบาทว์ ที่เลือกฝั่งหนึ่งก็ติดล็อค เลือกอีกฝั่งก็ติดหล่ม เพราะพรรคเรามาเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และมองเห็นว่าทุกคนมีความสำคัญเหมือนเป็นพี่น้องแม้มีความคิดเห็นต่าง อีกทั้งหมดเวลาที่จะทะเลาะกัน ซึ่งหากเลือกแบบเดิมแล้วมาตีกัน ก็เดินหน้าไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่าพร้อมเปิดรับให้กับทุกขั้วการเมืองใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ ชี้แจงว่า เราเป็นพรรคประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจนิยมและเผด็จการในทุกรูปแบบ
ด้าน น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย อธิบายถึงการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมือง ว่า ต้องแยกระหว่างนิตินัยกับพฤตินัย โดยนิตินัย พรรคการเมืองสามารถเสนอแคนดิเดตนายกฯ ได้ 3 คน แต่ตอบรับได้คนเดียว ซึ่งขณะนี้คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยอยู่ และไม่สามารถยกเลิกได้
ดังนั้น ยังคงสถานะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย หมายเลข 1 อยู่ และมีอีก 2 คน แต่โดยพฤตินัย ในเมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ ลาออกจากเพื่อไทย มาจัดตั้งพรรคใหม่แล้ว เช่นเดียวกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ไปเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทางพรรคเพื่อไทยก็มีสิทธิ์เสนอชื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งใน 3 คนก็ได้
เพราะขณะนี้ยังมีการวินิจฉัยวาระนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ จึงต้องชี้แจงเพราะเดี๋ยวจะไปเข้าใจว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคไทยสร้างไทยได้ ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยมีเจตจำนงได้ แต่คุณหญิงสุดารัตน์ตอบรับไม่ได้ เพราะได้ตอบรับกับพรรคเพื่อไทยไปแล้ว และตามนิตินัยสามารถตอบรับได้แค่พรรคเดียว จึงต้องรอก่อน